12 กันยายน 2544เรียน ผู้จัดการ ธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร* ที่ สนส.(02) ว. 60/2544 เรื่อง การนำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น ธนาคารแห่งประเทศไทยขอส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น ลงวันที่ 4 กันยายน 2544ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2544 และได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 118 ตอนพิเศษ 88 ง ลงวันที่ 11 กันยายน 2544 แล้ว สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ คือ 1. ให้ธนาคารพาณิชย์ระงับการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์ในปริมาณเกินสมควร โดยได้กำหนดความหมายของการให้สินเชื่อหรือลงทุนในปริมาณเกินสมควร พร้อมกับข้อยกเว้นที่จะไม่นับรวมเป็นการให้สินเชื่อหรือลงทุนดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้กำหนดข้อปฏิบัติในกรณีที่ได้ให้สินเชื่อหรือลงทุนเกินอัตราที่กำหนดก่อนวันที่ประกาศกำหนดด้วย 2. ให้ธนาคารพาณิชย์ระงับการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์โดยมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจากปกติ พร้อมกับกำหนดกรณีที่ถือว่าเป็นการให้สินเชื่อหรือลงทุนโดยมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจากปกติ 3. ให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำนโยบายการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์หรือกรรมการหรือผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์ จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ขอแสดงความนับถือ (นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค) ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายสถาบันการเงิน ผู้ว่าการ แทน สิ่งที่ส่งมาด้วย ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น ลงวันที่ 4 กันยายน 2544 ฝ่ายโครงการพิเศษและการวิเคราะห์ โทร. 0-2283-6827-8 หมายเหตุ * ไม่รวมกิจการวิเทศธนกิจ [….] ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่ ………... ณ [ X ] ไม่มีการจัดประชุมชี้แจงสนสว10-กส33102-25440912ด ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องและการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น _________________________________ เนื่องจากสถาบันการเงินได้มีการลงทุนในกิจการต่าง ๆ มากมายซึ่งมีทั้งกิจการที่สถาบันการเงินเข้าไปลงทุนด้วยตนเองและลงทุนร่วมกับกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงิน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้ รวมทั้งมีการให้สินเชื่อแก่กิจการที่กล่าว ผู้ถือหุ้น และผู้บริหารระดับสูงในปริมาณสูงโดยไม่ได้มีกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่รัดกุมเหมาะสม หรือให้สินเชื่อในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้แก่กิจการเหล่านี้ หรือไม่ได้มีการตีราคาอสังหาริมทรัพย์ที่วางเป็นประกันอย่างรอบคอบส่งผลให้สถาบันการเงินได้รับความเสียหายจากการให้สินเชื่อนั้น ดังนั้น เพื่อพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของประชาชน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22(5) และ22(8) แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 พ.ศ. 2528 ธนาคารแห่งประเทศไทยออกข้อกำหนดดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ในหนังสือฉบับนี้ "บริษัทจำกัด" หมายความว่า บริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บริษัทมหาชนจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น "ผู้ที่เกี่ยวข้อง" หมายความว่า บุคคลที่มีความสัมพันธ์กับอีกบุคคลหนึ่งในลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ (1) เป็นคู่สมรส บิดา มารดา หรือผู้รับบุตรบุญธรรม (2) เป็นบุตรหรือบุตรบุญธรรม (3) เป็นบริษัทจำกัดที่บุคคลนั้นหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) มีอำนาจในการจัดการ (4) เป็นบริษัทจำกัดที่บุคคลนั้นหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) มีอำนาจควบคุมคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น (5) เป็นบริษัทจำกัดที่บุคคลนั้นหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) มีอำนาจควบคุมการแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการ (6) เป็นบริษัทลูกของบริษัทจำกัดตาม (3) หรือ (4) หรือ (5) (7) บริษัทร่วมของบริษัทจำกัดตาม (3) หรือ (4) หรือ (5) (8) เป็นตัวการหรือตัวแทน ในกรณีที่บุคคลใดถือหุ้นในบริษัทจำกัดใดตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไปของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริษัทจำกัดนั้นเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว "บริษัทแม่" หมายความว่า บริษัทจำกัดที่มีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทจำกัดอื่น "บริษัทลูก" หมายความว่า (1) บริษัทจำกัดที่มีบริษัทจำกัดอื่นมีอำนาจควบคุมกิจการของบริษัทจำกัดนั้น (2) บริษัทลูกของบริษัทจำกัดตาม (1) ทุกทอด "บริษัทร่วม" หมายความว่า บริษัทลูกที่มีบริษัทแม่ร่วมกัน "อำนาจควบคุมกิจการ" หมายความว่า (1) การที่บุคคลหนึ่งมีหุ้นในบริษัทจำกัดหนึ่งเกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือ (2) การที่บุคคลหนึ่งมีอำนาจควบคุมคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดหนึ่งไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือไม่ว่าเพราะเหตุอื่นใด หรือ (3) การที่บุคคลหนึ่งมีอำนาจควบคุมการแต่งตั้งและถอดถอนกรรมการตั้งแต่กึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดในบริษัทจำกัดหนึ่ง ในกรณีที่บุคคลหนึ่งมีหุ้นในบริษัทจำกัดหนึ่งตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไปของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลที่มีหุ้นดังกล่าวมีอำนาจควบคุมกิจการในบริษัทจำกัดนั้น "ผู้บริหารระดับสูง" หมายความว่า ผู้บริหารตั้งแต่ระดับผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ขึ้นไป "สมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิด" หมายความว่า พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา รวมทั้งคู่สมรสและบุตรของบุคคลดังกล่าว "กิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง" หมายความว่า (1) กิจการที่ธนาคารพาณิชย์ กรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องหรือสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดของบุคคลเหล่านี้ ถือหุ้นรวมกันเกิน ร้อยละ10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการนั้น หรือมีอำนาจควบ คุมกิจการนั้น (2) บริษัทร่วมของธนาคารพาณิชย์ (3) กิจการที่มีกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์เป็นกรรมการใน กิจการนั้น "ผู้ถือหุ้น" หมายความว่า (1) บุคคลที่ถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมเกินร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของธนาคารพาณิชย์ โดยให้นับรวมถึงหุ้นที่ถือโดยผู้ที่เกี่ยวข้องและสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดด้วย (2) บุคคลที่มีอำนาจควบคุมกิจการของธนาคารพาณิชย์รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องและสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดด้วย (3) บริษัทจำกัดที่บุคคลตาม(1)หรือ(2) ถือหุ้นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจำกัดนั้น หรือมีอำนาจควบคุมกิจการในบริษัทจำกัดนั้น "ธุรกิจทางการเงิน" หมายความว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจลิสซิ่ง ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจการรับโอนโดยมีค่าตอบแทนซึ่งสิทธิเรียกร้องที่เกิดจากการจำหน่ายสินค้า เป็นต้น ข้อ 2 ให้ธนาคารพาณิชย์ระงับการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ในปริมาณเกินสมควร การให้สินเชื่อหรือลงทุนในปริมาณเกินสมควร หมายความว่าการให้สินเชื่อหรือลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกันแก่กิจการหรือบุคคลตามวรรคหนึ่งเกินร้อยละ 5 ของเงินกองทุน ชั้นที่ 1 ของธนาคารพาณิชย์ หรือร้อยละ 50 ของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดนั้น หรือร้อยละ 25 ของยอดหนี้สินรวมของบริษัทจำกัดนั้นแล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า และให้สินเชื่อหรือลงทุนในทุกรายรวมกันเกินร้อยละ 20 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ การให้สินเชื่อหรือลงทุนดังกล่าวข้างต้นไม่รวมถึงการให้สินเชื่อหรือลงทุนในธุรกิจทางการเงิน ธุรกิจที่ลงทุนเนื่องจากการควบรวมกิจการ การแยกธุรกิจ และการปรับโครงสร้างหนี้ซึ่งธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ไม่ได้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในธุรกิจนั้นก่อนการปรับโครงสร้างหนี้ ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ใดได้ให้สินเชื่อหรือลงทุนเกินอัตราส่วนที่กล่าวข้างต้นก่อนวันที่ในหนังสือฉบับนี้และไม่ใช่เป็นการให้สินเชื่อที่มีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจากปกติดังกล่าวในข้อ 3 ให้คงอัตราส่วนนั้นต่อไปได้ แต่จะให้สินเชื่อหรือลงทุนเพิ่มขึ้นอีกไม่ได้ และให้ธนาคารพาณิชย์ทยอยลดอัตราส่วนลงเหลือไม่เกินอัตราที่กำหนดตามวรรคสองเมื่อการให้สินเชื่อครบกำหนดตามสัญญายกเว้นกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุญาตหรือสั่งการเป็นอย่างอื่นไว้แล้ว ให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติตามนั้น หรือ กรณีที่เป็นเงินให้สินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการที่ประกอบธุรกิจการนำเข้าหรือส่งออก ให้คงอัตราส่วนนั้นต่อไปได้อีก 3 ปี นับแต่วันที่ในหนังสือนี้ ข้อ 3 ให้ธนาคารพาณิชย์ระงับการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์ หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์โดยมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจากปกติการให้สินเชื่อหรือลงทุนในกรณีต่อไปนี้ ให้ถือว่ามีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจากปกติ (1) การให้สินเชื่อหรือลงทุนโดยไม่ได้พิจารณาถึงฐานะและผลการดำเนินงานของ ธุรกิจ หรือไม่ได้มีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ (2) การให้สินเชื่อหรือลงทุนในลักษณะที่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่กิจการนั้น เช่น เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราปกติของลูกค้าที่มีความเสี่ยงระดับเดียวกันไม่มีการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน ไม่ดำเนินการให้หลักประกันมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย เป็นต้น (3) การให้สินเชื่อแก่กิจการที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสูงผิดไปจากปกติสำหรับธุรกิจประเภทเดียวกัน ข้อ 4 ให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำนโยบายการให้สินเชื่อแก่หรือลงทุนในกิจการที่ธนาคารพาณิชย์หรือกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์นั้นมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง หรือให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นหรือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ โดยจะต้องมีข้อกำหนดอย่างน้อยดังต่อไปนี้ (1) ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทยที่ ธปท.สนส.(21)ว.2130/2543 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2543 เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับการให้สินเชื่อ การก่อภาระผูกพัน การลงทุนในหลักทรัพย์ และการขายสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ (2) การให้สินเชื่อหรือลงทุนดังกล่าวข้างต้น ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการธนาคารพาณิชย์ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ (3) ห้ามกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อเข้าร่วมพิจารณาอนุมัติสินเชื่อนั้น ข้อ 5 ประกาศนี้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน 2544 (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล) ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทยสนสป10-กส33101-25440904ด-ยก-