30 พฤศจิกายน 2548 เรียน ผู้จัดการ บริษัทเงินทุนและบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ทุกบริษัท ที่ ธปท.ฝกส.(12)ว.2235/2548 เรื่อง แนวทางการพิจารณาจุดตัดระหว่างประชาชน รายย่อยกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสินเชื่อแก่ประชาชนรายย่อย ที่ถือว่ามีหลักประกัน สำหรับธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย 1.เหตุผลในการออกหนังสือเวียน เพื่อประโยชน์แก่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ที่จะปรับสถานะเป็นธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการขออนุญาตจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 23 มกราคม 2547 (ประกาศกระทรวงการคลังฯ)ได้ทราบแนวทางเพื่อปฏิบัติในการพิจารณาจุดตัดระหว่างประชาชนรายย่อยกับรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)และสินเชื่อแก่ประชาชนที่ถือว่ามีหลักประกัน ซึ่งตามเงื่อนไขข้อ 2 ของประกาศกระทรวงการคลังฯกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยให้บริการได้เฉพาะประชาชนรายย่อยและ SMEs ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด (ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง คำจำกัดความ "วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม" ลงวันที่ 30 เมษายน 2547)และจำกัดวงเงินการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้แต่ละราย กล่าวคือ ให้สินเชื่อแก่ประชาชนรายย่อยได้ในวงเงินไม่เกินร้อยละ 0.05 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ในกรณีที่ไม่มีหลักประกัน และไม่เกินร้อยละ 1 ของเงินลงทุนชั้นที่ 1 ในกรณีที่มีหลักประกัน รวมทั้งใช้สินเชื่อแก่ SMEs ได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินกองทุนชั้นที่ 1 2.ขอบเขตการถือปฏิบัติ ให้ถือปฏิบัติกับธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยทุกธนาคาร 3.เนื้อหา แนวทางพิจารณาจุดตัดระหว่างประชาชนรายย่อยกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสินเชื่อแก่ประชาชนรายย่อยที่ถือว่ามีหลักประกัน สำหรับธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย มีดังนี้ 3.1 จุดตัดระหว่างประชาชนรายย่อยกับ SMEs ให้พิจารณาตามแนวทางต่อไปนี้ 3.1.1 วัตถุประสงค์ในการกู้ยืมเพื่อนำไปประกอบธุรกิจหรือใช้จ่ายส่วนบุคคลหากเป็นการกู้ยืมเพื่อทำธุรกิจ ให้ถือว่าเป็นการให้กู้ยืมแก่ SMEs และ 3.1.2 หลักแหล่งในการทำธุรกิจของผู้กู้ ถ้าไม่มีหลักแหล่ง เช่น ธุรกิจโดยใช้รถเข็น เช่นนี้ ประเพณีปฏิบัติของธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันถือว่าเป็นการให้กู้ยืมแก่ประชาชนรายย่อย แต่ถ้ามีหลักแหล่งในประกอบธุรกิจ เช่น แผงลอย จะถือเป็น SMEs 3.2 สินเชื่อแก่ประชาชนรายย่อยที่มีหลักประกัน หมายถึง สินเชื่อแก่ประชาชน รายย่อยที่มีสินทรัพย์ หรือการค้ำประกันดังต่อไปนี้ เป็นประกันเต็มจำนวน โดยธนาคารพาณิชย์ เพื่อรายย่อยสามารถประเมินมูลค่าสินทรัพย์ ที่เป็นหลักประกันได้อย่างน่าเชื่อถือและสามารถยึดหรือบังคับหลักประกันดังกล่าวได้ตามกฎหมายกรณีลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ หรือ เป็นการค้ำประกันโดยผู้ค้ำประกันที่น่าเชื่อถือและธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยสามารถไล่เบี้ยกับผู้ค้ำประกันได้ตามกฎหมาย กรณีลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ 3.2.1 เงินสดหรือสิทธิในเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยนั้น 3.2.2 หลักประกันที่ใกล้เคียงเงินสด ได้แก่ หลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด 3.2.3 หลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย หรือนอกศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ 3.2.4 ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 3.2.5 สินค้า 3.2.6 เครื่องจักร 3.2.7 สิทธิการเช่า เฉพาะในกรณีที่ผู้ให้เช่ายินยอมให้มีการสวมสิทธิแทนเมื่อผู้เช่าเดิมซึ่งเป็นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยไม่ชำระหนี้ ซึ่งไม่รวมถึง การเช่าช่วงสิทธิการเช่า 3.2.8 รถจักรยานยนต์ รวมถึงการให้สินเชื่อประเภทการให้เช่าซื้อหรือการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถจักรยานยนต์ ซึ่งกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์เป็นของธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยผู้ให้เช่าซื้อหรือผู้ให้เช่าแบบลีสซิ่ง 3.2.9 รถยนต์ รวมถึงการให้สินเชื่อประเภทการให้เช่าซื้อหรือการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์ ซึ่งกรรมสิทธิ์ในรถยนต์เป็นของธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยผู้ให้เช่าซื้อหรือผู้ให้เช่าแบบลีสซิ่ง 3.2.10 ทรัพย์สินทางปัญญา เฉพาะในกรณีที่มีราคาประเมินที่ยอมรับได้ มีกฎหมายรองรับสิทธิของเจ้าของและสามารถบังคับได้จริงหากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ 3.2.11 การค้ำประกันโดยกระทรวงการคลัง หรือรัฐบาลจะจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อชำระหนี้ให้ หรือมีหลักฐานว่าจะได้รับชำระเงินจากหน่วยงานราชการใดอย่างแน่นอน 3.2.12 การค้ำประกันโดยสถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย บริษัทเงินทุน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และนิติบุคคลอื่นที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด 3.2.13 สินทรัพย์หรือการค้ำประกันประเภทอื่นที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ทั้งนี้ ในการพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อใหม่หรือปรับเปลี่ยนวงเงินสินเชื่อเดิมธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยควรทำการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันทุกครั้ง ตามข้อ 3.7.2 ของหลักเกณฑ์การประเมินมูลค่าหลักประกันของสถาบันการเงินตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดในหนังสือเวียนที่ ธปท.ฝสว.(21)ว.797/2548 เรื่อง หลักเณฑ์การประเมินมูลค่าหลักประกันของสถาบันการเงิน ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ (นายเกริก วณิชกุล) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ผู้ว่าการแทนฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงินโทร. 0-2283-6826, 0-2283-6298, 0-2356-7467หมายเหตุ [ ] ธนาคารแห่งประเทศไทยจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่............. [X] ไม่มีการประชุมชี้แจง