ไตรมาส 4/2553 การส่งออกยังคงมีแนวโน้มดี
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 213 ราย คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 4/2553 (ตุลาคม — ธันวาคม) ภาวะการส่งออกและความสามารถในการแข่งขันมีแนวโน้มที่ดี โดย ดัชนี มีค่า 59.1 และ 56.0 ตามลำดับ
ผู้ประกอบการส่งออก คาดว่าภาวะการส่งออกในไตรมาสที่ 4/2553 (ตุลาคม - ธันวาคม) จะดีขึ้น ร้อยละ 40.9 ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 36.5 และไม่ดี ร้อยละ 22.6 ทำให้ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจส่งออก มีค่าเท่ากับ 59.1 แสดงว่าการส่งออกมีทิศทางที่ดี
สินค้าที่คาดว่าจะมีการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูปอัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนไตรมาส % ดีขึ้น % เท่าเดิม % ลดลง ผลต่าง ดัชนีผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ข้าว ยางพารา เชื้อเพลิงและพลังงาน และ อาหารสำเร็จรูป สินค้าที่คาดว่าจะมีการส่งออกลดลง ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกเคมีภัณฑ์ และ อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง
ในไตรมาสที่ 4/2553 นักธรกิจคาดการณ์ว่าความสามารถในการแข่งขันจะดีขึ้น ร้อยละ 31.8 ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 48.3 และลดลง ร้อยละ 19.9 เป็นผลให้ดัชนีคาดการณ์ความสามารถในการแข่งขัน มีค่า 56.0 แสดงว่าผู้ส่งออกเห็นว่าความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
สินค้าที่คาดว่าความสามารถในการแข่งขันจะเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ข้าว ยางพารา เชื้อเพลิงและพลังงาน และ อาหารสำเร็จรป สินค้าที่คาดว่าความสามารถในการแข่งขัน ลดลงได้แก่ เคมีภัณฑ์และ อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง
ดัชนีมูลค่าส่งออกเดือนกันยายน 2553 มีค่า 50.7 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกเหล็ก/ เหล็กกล้าแล ผลิตภัณฑ์ อัญมณีแล เครื่องปร ดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว ยางพารา เชื้อเพลิงและพลังงาน ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออก ลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และ อาหารสำเร็จรูป
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่มีค่า 50.7 สินค้าที่มีมูลค่าคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ข้าว และ ยางพารา ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป สิ่งทอ อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน และ อาหารสำเร็จรูป
ดัชนีสินค้าคงคลังเดือนกันยายน 2553 มีค่า 44.6 มูลค่าสินค้าคงคลังที่ลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอปกรณ์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน และ อาหารสำเร็จรูป มูลค่าสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และ ข้าว
เดือน %ดีขึ้น %เท่าเดิม %ลดลง ผลต่าง ดัชนี กันยายน 53 13.5 71.0 15.5 -2.0 49.0 สิงหาคม 53 24.4 61.1 14.5 9.9 54.9 กรกฎาคม 53 25.3 61.8 12.9 12.4 56.2
ดัชนีการจ้างงานในเดือนกันยายน 2553 มีค่าเท่ากับ 49.0 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกอยู่ในภาวะชะลอตัว
ปัญหา
- อัตราแลกเปลี่ยนไม่คงที่ และค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไป
- วัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น และขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต เช่น ปาล์มที่ใช้ในการผลิตกรดไขมัน
- ขาดแคลนแรงงานทั้งมีฝีมือ และไร้ฝีมือ อีกทั้งแรงงานบางส่วนหันกลับไปใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
- กำลังการผลิตขยายตัวไมท่ทันกับความตอ้องการของลูกค้า
- ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกยังล้าหลัง ไม่พัฒนาเหมือนกับประเทศอาเซียนด้วยกัน
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
- ลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบ เช่น ทองแดงและอลูมิเนียม ให้เหลือ 0% เนื่องจากในประเทศไทยไม่มี และไม่สามารถผลิตได้
- ควรเปิดรับแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการ
- พัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศให้มีความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น รถไฟรางคู่
- ปรับเพิ่มอัตราชดเชยภาษีส่งออก เพราะประเทศเพื่อนบ้านปรับเพิ่มสูงขึ้นหลายเดือนแล้ว
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการ แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเสน้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเสน้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: [email protected]