การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 202 ราย ได้ผลดังนี้
ดัชนีมูลค่าส่งออก เดือนมกราคม2555 มีค่าเท่ากับ 48.2 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็งกระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ เชื้อเพลิงและพลังงาน
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ เดือนมกราคม 2555 มีค่า 48.5 สินค้าที่มี คำสั่งซื้อใหม่ ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็งกระป๋องและแปรรูป ยางพาราและผลิตภัณฑ์
ดัชนีการจ้างงานเดือนมกราคม2555 มีค่าเท่ากับ 48.7 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกชะลอตัวลง
ดัชนีสินค้าคงคลังเดือนมกราคม 2555 มีค่า 45.4 สินค้าคงคลังที่ ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนผักผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็งกระป๋องและ แปรรูป เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยางพาราอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน
ปัญหา
- อัตราแลกเปลี่ยนไม่มีเสถียรภาพ
- ขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือและไม่มีฝีมือ
- กำลังการผลิตลดลง ขาดแคลนวัตถุดิบ อาจต้องย้ายฐานการผลิต
- ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าแรงงาน
- ความต้องการของตลาดโลกลดลงจากสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ
ข้อเสนอแนะ
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท
- จัดการบริหารน้ำไม่ให้เกิดอุทกภัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
- ส่งเสริมการจัดงานขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ
- พิจารณามาตรการภาษีในการจัดซื้อวัตถุดิบในประเทศ
- ชดเชยภาษีแก่ผู้ผลิตเพื่อการส่งออกหมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการแปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัวสำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
สำนักสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า
โทร.0 2507 5800 โทรสาร 0 2507 5806, 0 2507 5825 www.price.moc.go.th Email: [email protected]