ดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศเดือนมิถุนายน 2561 และระยะ 6 เดือนแรกของปี 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 25, 2018 10:31 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ดัชนีราคาส่งออก เดือนมิถุนายน 2561 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 สูงขึ้นร้อยละ 4.2 (YoY) เป็นการสูงขึ้นในอัตราชะลอลง ปัจจัยหลักเป็นผลจากค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าหลักยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาสินค้าสำคัญยังคงปรับสูงขึ้น ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เหล็ก ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังข้าว ไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง เป็นต้น

ดัชนีราคานำเข้า เดือนมิถุนายน 2561 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 สูงขึ้นร้อยละ 7.8 (YoY) เป็นผลจากการปรับสูงขึ้นของทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะหมวดสินค้าเชื้อเพลิง เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นตามปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่ลดลงขณะที่ความต้องการใช้เพิ่มขึ้นรองลงมา คือ หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป หมวดสินค้าทุน หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง และหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค

ดัชนีราคาส่งออก เดือนมิถุนายน 2561 เท่ากับ 100.9 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 (ปี 2555=100) สูงขึ้นร้อยละ 4.2 (YoY) ปัจจัยหลักเป็นผลจากการสูงขึ้นของหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นจากน้ำมันสำเร็จรูป ตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น หมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นจากเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ นอกจากนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการสินค้าจากตลาดต่างประเทศที่มีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น หมวดสินค้าเกษตรกรรม สูงขึ้นจากผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ขณะที่ดัชนีราคา ส่งออกหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ลดลงจากราคาน้ำตาลทรายเป็นหลัก ตามปริมาณผลผลิตน้ำตาลในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการยังมีปริมาณน้อยลง

ดัชนีราคานำเข้า เดือนมิถุนายน 2561 เท่ากับ 93.7 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 (ปี 2555=100) สูงขึ้นร้อยละ 7.8 (YoY) ปรับสูงขึ้นทุกหมวดสินค้า โดยได้รับแรงหนุนจากหมวดสินค้าเชื้อเพลิงเป็นหลัก ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป และก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม จากการปรับลดกำลังการผลิตลงอย่างต่อเนื่องของผู้ผลิตน้ำมันทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ ทองคำ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ สินแร่โลหะ และส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หมวดสินค้าทุน ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ รถยนต์นั่ง และหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เสื้อผ้า รองเท้าและผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่นๆ สบู่ ผงซักฟอก และเครื่องสำอาง

ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนมิถุนายน 2561

ดัชนีราคาส่งออกของประเทศ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าส่งออกในรูปของดัชนี โดยใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาส่งออกที่ผู้ส่งออกในประเทศไทยได้ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ทั้งนี้ ราคาส่งออกที่สำรวจเป็นราคา F.O.B (Free On Broad) ครอบคลุม 4 หมวดสินค้า ได้แก่ หมวดสินค้าเกษตรกรรม หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร หมวดสินค้าอุตสาหกรรม และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง มีจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด 743 รายการ สรุปได้ดังนี้

1. ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนมิถุนายน 2561 เท่ากับ 100.9 (ปีฐาน 2555 = 100) (เดือนพฤษภาคม 2561 เท่ากับ 101.2) โดยดัชนีราคาส่งออกเดือนมิถุนายน 2561 ในหมวดสินค้าเกษตรกรรม เท่ากับ 98.9 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร เท่ากับ 106.6 หมวดสินค้าอุตสาหกรรม เท่ากับ 102.7 และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง เท่ากับ 85.1

2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนมิถุนายน 2561 เมื่อเทียบกับ

2.1 เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 (MoM) ลดลงร้อยละ -0.3 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าส่งออกจำแนกตามรายหมวดสินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าเกษตรกรรม ได้แก่ ยางพารา เนื่องจากทิศทางราคายางพาราในต่างประเทศลดลง และสต๊อกยางจีนในภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ข้าวราคาลดลงจากการชะลอสั่งซื้อข้าวขาวของประเทศผู้นำเข้าเป็นหลัก เนื่องจากมีการนำเข้าข้าวเป็นปริมาณมากไปแล้วในช่วงก่อนหน้า ขณะที่ข้าวหอมมะลิราคา ยังอยู่ในเกณฑ์ดี สำหรับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังราคาลดลงเล็กน้อยตามการอ่อนค่าของเงินบาท ประกอบกับคุณภาพหัวมัน และเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งลดลงจากภาวะฝนตกชุก ทำให้ผู้ซื้อมีการเจรจาต่อรองให้ปรับราคาลง และกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ราคายัง มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากผลผลิตกุ้งโลกที่เพิ่มขึ้น หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ ทองคำ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่า ของเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ความน่าสนใจในทองคำลดลง นอกจากนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ราคาลดลงเช่นกัน หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร โดยเฉพาะน้ำตาลทรายราคาปรับลดลงเนื่องจากปริมาณผลผลิตในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการมีปริมาณน้อยลง ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกที่ปรับตัวสูงขึ้นคือ หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบ ราคาปรับสูงขึ้นเล็กน้อยตามปริมาณการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบบางส่วนที่ขาดหายไปจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ในอิหร่านและเวเนซุเอลา รวมทั้งความต้องการใช้น้ำมันยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น

2.2 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 4.2 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าส่งออกจำแนกรายหมวดสินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบหมวดสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และสิ่งทอ หมวดสินค้าเกษตรกรรม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว สินค้าปศุสัตว์ (ไก่) ผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็งและแห้ง และสินค้าประมง (ปลา ปลาหมึก) ขณะที่หมวดสินค้า ที่ดัชนีราคาส่งออกปรับลดลง ได้แก่ หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร จากราคาน้ำตาลทรายที่ปรับตัวลดลงเป็นหลัก

2.3 เทียบเฉลี่ยกับเดือนมกราคม-มิถุนายน 2560 (AoA) สูงขึ้นร้อยละ 4.6 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงจำแนกรายหมวดสินค้า ดังนี้

ดัชนีราคาส่งออกปรับสูงขึ้นทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ทองคำ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์พลาสติก และผลิตภัณฑ์ยาง หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบ หมวดสินค้าเกษตรกรรม ได้แก่ ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง กุ้งสด แช่เย็น แช่แข็ง และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ อาหารสัตว์เลี้ยง และเครื่องดื่ม โดยสาเหตุหลักที่ราคาสินค้าส่งออกปรับสูงขึ้น เป็นผลจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้ความต้องการของตลาดต่างประเทศมีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่ยังคงสูงขึ้นเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาส่งออกสินค้าของไทยปรับสูงขึ้น

ทั้งนี้ แนวโน้มดัชนีราคาส่งออกปี 2561 คาดว่าจะมีทิศทางสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามทิศทางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ดีในหลายกลุ่มสินค้าและตลาดสำคัญ รวมถึงปริมาณน้ำมันดิบส่วนเกินเริ่มกลับเข้าสู่สมดุล ส่งผลให้สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มของราคาสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง เหล็ก น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการส่งออกของไทยยังคงมีอยู่ เช่น ความต่อเนื่องของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของประเทศคู่ค้า ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน เป็นต้น

ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนมิถุนายน 2561

ดัชนีราคานำเข้าของประเทศ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้านำเข้าที่ผู้นำเข้าในประเทศไทยได้จ่ายไปเพื่อ นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ราคานำเข้าที่สำรวจเป็นราคา C.I.F. (Cost, Insurance และ Freight) ครอบคลุม 5 หมวดสินค้า ได้แก่ หมวดสินค้าเชื้อเพลิง หมวดสินค้าทุน หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง มีจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด 751 รายการ สรุปได้ดังนี้

1. ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนมิถุนายน 2561 เท่ากับ 93.7 (ปีฐาน 2555 = 100) (เดือนพฤษภาคม 2561 เท่ากับ 93.7) โดยดัชนีราคานำเข้าเดือนมิถุนายน 2561 ในหมวดสินค้าเชื้อเพลิง เท่ากับ 76.9 หมวดสินค้าทุน เท่ากับ 102.2 หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เท่ากับ 96.9 หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค เท่ากับ 102.0 และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การ- ขนส่ง เท่ากับ 95.9

2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนมิถุนายน 2561 เมื่อเทียบกับ

2.1 เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 (MoM) ไม่เปลี่ยนแปลง แต่โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงจำแนกรายหมวดสินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าปรับสูงขึ้นคือ หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป และก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม

โดยราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิตลง รวมทั้งปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศอิหร่านและเวเนซูเอลา ทำให้อุปทานน้ำมันบางส่วนขาดหายไปจากตลาด ขณะที่หมวดสินค้าที่ ดัชนีราคานำเข้าปรับลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าทุน ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์โลหะ หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์และรถจักรยาน หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ และหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ ทองคำ อุปกรณ์ส่วนประกอบ- เครื่องไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ลวดและสายเคเบิล และสินแร่โลหะ

2.2 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 7.8 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงจำแนกรายหมวดสินค้า ดังนี้

ดัชนีราคานำเข้าปรับสูงขึ้นทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าเชื้อเพลิงเป็นหลัก ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม ถ่านหิน และเชื้อเพลิงอื่นๆ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปรับลดกำลังการผลิตลงอย่างต่อเนื่องของผู้ผลิตน้ำมันทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก ขณะที่ความต้องการใช้เพิ่มขึ้น หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ ทองคำ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ สินแร่โลหะ อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หมวดสินค้าทุน ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ รถยนต์นั่ง และหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เสื้อผ้า รองเท้าและผลิตภัณฑ์สิ่งทอ สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง

2.3 เทียบเฉลี่ยกับเดือนมกราคม-มิถุนายน 2560 (AoA) สูงขึ้นร้อยละ 6.9 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงจำแนกรายหมวดสินค้า ดังนี้

ดัชนีราคานำเข้าปรับสูงขึ้นทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันดิบ ก๊าซปิโตรเลียมธรรมชาติ น้ำมันสำเร็จรูป ถ่านหิน และเชื้อเพลิงอื่นๆ หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ทองคำ สินแร่โลหะ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ อุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และสัตว์น้ำสด แช่เย็นแช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป ด้ายและเส้นใย หมวดสินค้าทุน ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การทดสอบ หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ รถยนต์นั่ง ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถจักรยานยนต์และรถจักรยาน และหมวดสินค้าอุปโภคและบริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง เสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ และเครื่องใช้เบ็ดเตล็ด

ทั้งนี้ แนวโน้มดัชนีราคานำเข้าปี 2561 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีปัจจัยบวกจากราคาสินค้าเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นสินค้านำเข้าหลักที่ยังคงปรับสูงขึ้นจากความตกลงร่วมมือกันระหว่างกลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก ในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน รวมทั้งสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณ การส่งออกน้ำมันดิบสู่ตลาดโลก และรวมถึงสินค้านำเข้าอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่น เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก เป็นต้น คาดว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน สำหรับเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ราคายังมี แนวโน้มสูงขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ความต้องการในตลาดสูงขึ้น ขณะที่จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่มีนโยบายลดกำลังการผลิตส่วนเกิน และปรับปรุงคุณภาพสินค้าควบคู่ไปกับการคำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่ดี

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร 0 2507 7000 โทรสาร 0 2507 5825


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ