ดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศเดือนกรกฎาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 26, 2019 11:43 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศ เดือนกรกฎาคม 2562

ดัชนีราคาส่งออก เดือนกรกฎาคม 2562 เท่ากับ 101.2 (ปี 2555 = 100) เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2561 สูงขึ้นร้อยละ 0.6 (YoY) จากผลของสถานการณ์สงครามการค้าที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากสหรัฐฯ ชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนบางรายการ ออกไป อย่างไรก็ตาม ทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและผลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงยืดเยื้อ ประกอบกับค่าเงินบาทที่มีทิศทางแข็งค่า อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาส่งออกของไทยในระยะข้างหน้าได้ โดยหมวด สินค้า ที่สนับสนุนให้ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าเกษตรกรรม ได้แก่ ยางพารา ข้าว ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง ปลาสด แช่เย็นแช่แข็ง หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ ทองคำ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ได้แก่ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป ขณะที่หมวดสินค้าที่ส่งผลให้ดัชนีราคาส่งออกลดลง คือ หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบ

ดัชนีราคานำเข้า เดือนกรกฎาคม 2562 เท่ากับ 93.6 (ปี 2555 = 100) เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2561 สูงขึ้นร้อยละ 0.4 (YoY) หมวดสินค้าที่ปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ ทองคำ อุปกรณ์ ส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ด้ายและเส้นใย สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก หมวดสินค้าทุน ได้แก่ เครื่องไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหะ หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ รถยนต์นั่ง หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าปรับลดลง คือ หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซกรรมชาติปิโตรเลียม และถ่านหิน

อัตราการค้า (Term of Trade) ของประเทศไทย เดือนกรกฎาคม 2562

เป็นเกณฑ์วัดความได้เปรียบเสียเปรียบทางการค้าของประเทศ พิจารณาจากอัตราส่วนระหว่างดัชนีราคาส่งออกกับ ดัชนีราคานำเข้า ซึ่งอัตราการค้าของไทย ในเดือนกรกฎาคม 2562 เท่ากับ 108.1 (เดือนมิถุนายน 2562 เท่ากับ 108.6) ซึ่งอัตราการค้ายังสูงกว่า 100 แสดงว่าประเทศไทยยังมีความสามารถทางการแข่งขันที่ดี ทั้งนี้ เนื่องจากราคาสินค้าส่งออก โดยรวมอยู่ในระดับที่สูงกว่าราคานำเข้า โดยเฉพาะสินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผักและผลไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์ทำจากข้าวและแป้ง ปุ๋ย เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ซึ่งเป็นไปตามความต้องการสินค้าจากตลาดต่างประเทศที่มีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ราคาส่งออกยังคงสูงกว่าราคานำเข้าเช่นกัน เนื่องจากเป็น วัตถุดิบเกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น

ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนกรกฎาคม 2562

ดัชนีราคาส่งออกของประเทศ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าส่งออกในรูปของดัชนี โดยใช้วัด การเปลี่ยนแปลงของราคาส่งออกที่ผู้ส่งออกในประเทศไทยได้ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ทั้งนี้ ราคาส่งออกที่สำรวจเป็น ราคา F.O.B (Free On Broad) ครอบคลุม 4 หมวดสินค้า ได้แก่ หมวดสินค้าเกษตรกรรม หมวดสินค้าอุตสาหกรรม- การเกษตร หมวดสินค้าอุตสาหกรรม และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง มีจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด 682 รายการ สรุปได้ดังนี้

1. ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนกรกฎาคม 2562 เท่ากับ 101.2 (ปีฐาน 2555 = 100) (เดือนมิถุนายน 2562 เท่ากับ 101.1) โดยดัชนีราคาส่งออกเดือนกรกฎาคม 2562 ในหมวดสินค้าเกษตรกรรม เท่ากับ 102.6 หมวดสินค้าอุตสาหกรรม การเกษตร เท่ากับ 106.6 หมวดสินค้าอุตสาหกรรม เท่ากับ 102.9 และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง เท่ากับ 79.8

2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนกรกฎาคม 2562 เมื่อเทียบกับ

2.1 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2562 (MoM) สูงขึ้นร้อยละ 0.1 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าส่งออก จำแนกตามรายหมวดสินค้า ดังนี้

ดัชนีราคาส่งออกของประเทศ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าส่งออกในรูปของดัชนี โดยใช้วัดการ เปลี่ยนแปลงของราคาส่งออกที่ผู้ส่งออกในประเทศไทยได้ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ทั้งนี้ ราคาส่งออกที่สำรวจเป็นราคา F.O.B (Free On Broad) ครอบคลุม 4 หมวดสินค้า ได้แก่ หมวดสินค้าเกษตรกรรม หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร หมวดสินค้าอุตสาหกรรม และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง มีจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด 682 รายการ สรุปได้ดังนี้

1. ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนกรกฎาคม 2562 เท่ากับ 101.2 (ปีฐาน 2555 = 100) (เดือนมิถุนายน 2562 เท่ากับ 101.1) โดยดัชนีราคาส่งออกเดือนกรกฎาคม 2562 ในหมวดสินค้าเกษตรกรรม เท่ากับ 102.6 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร เท่ากับ 106.6 หมวดสินค้าอุตสาหกรรม เท่ากับ 102.9 และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง เท่ากับ 79.8

2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนกรกฎาคม 2562 เมื่อเทียบกับ

2.1 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2562 (MoM) สูงขึ้นร้อยละ 0.1 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าส่งออกจำแนกตามรายหมวดสินค้า ดังนี้ หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบ เนื่องจากตลาดคาดว่าเฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากความกังวลว่าเศรษฐกิจโลก ทั่วโลกอาจจะชะลอตัว นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงต่อเนื่อง และ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านที่ยืดเยื้อ อาจทำให้การขนส่งน้ำมันดิบจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ผ่านทางช่องแคบเฮอร์มุสลดลง และส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงตาม หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ ทองคำ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ตามความต้องการสินค้าที่มีอย่างต่อเนื่อง และหมวดสินค้าอุตสาหกรรม- การเกษตร โดยเฉพาะอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ราคาสูงขึ้นเนื่องจากสหภาพยุโรป (EU) ประกาศยกเลิกให้ใบเหลืองไทย ภายหลัง จากที่ไทยมีการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวลดลง คือ หมวดสินค้าเกษตรกรรม ได้แก่ ยางพารา เนื่องจากปริมาณยางออกสู่ตลาดมากจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อ การผลิตยาง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นผลจากผลผลิตออกสู่ตลาดมากเช่นกัน ประกอบกับการส่งออกไปจีนมีแนวโน้ม ลดลงจากค่าเงินบาทแข็งค่า จึงทำให้ราคาปรับลดลง

2.2 เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2561 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 0.6 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าส่งออก จำแนกตามรายหมวดสินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าเกษตรกรรม ได้แก่ ยางพารา ข้าว ไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง ปลาสด แช่เย็นแช่แข็ง ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง กล้วยไม้ หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ ทองคำ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ปูนซิเมนต์ และหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ได้แก่ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป สิ่งปรุงรสอาหาร เครื่องดื่ม ขณะที่หมวดสินค้าที่ปรับตัวลดลง คือ หมวดสินค้าแร่และ เชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบ

2.3 เทียบเฉลี่ยกับเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2561 (AoA) สูงขึ้นร้อยละ 0.3 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าส่งออกจำแนกรายหมวดสินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับสูงขึ้น ประกอบด้วยหมวดสินค้าเกษตรกรรม ได้แก่ ไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง ข้าว ยางพารา ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และปลาสด แช่เย็นแช่แข็งหมวดสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก และสิ่งทอ ขณะที่หมวดสินค้าที่ปรับตัวลดลง คือ หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ได้แก่ น้ำตาลทราย และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบ

ทั้งนี้ แนวโน้มดัชนีราคาส่งออกในครึ่งหลังของปี 2562 ยังคงต้องเฝ้าระวังจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทั่วโลก ซึ่งปัจจัยหนึ่งเป็นผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ ยืดเยื้อ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน เนื่องจากไทยส่งออกไปจีนค่อนข้างมาก มาตรการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศ ความผันผวนของราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยน และความไม่แน่นอนจากปัญหา Brexit ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินโลก นอกจากนี้ สินค้าเกษตรบางรายการที่ราคายังอยู่ในระดับต่ำจากปัญหาอุปทานล้นตลาดและการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศคู่แข่ง ได้แก่ ข้าว น้ำตาลทราย ไก่สดและกุ้งสด แช่เย็นแช่แข็ง เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญกดดันต่อทิศทางราคาส่งออกได้

ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนกรกฎาคม 2562

ดัชนีราคานำเข้าของประเทศ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้านำเข้าที่ผู้นำเข้าในประเทศไทยได้จ่ายไป เพื่อนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ราคานำเข้าที่สำรวจเป็นราคา C.I.F. (Cost, Insurance และ Freight) ครอบคลุม 5 หมวดสินค้า ได้แก่ หมวดสินค้าเชื้อเพลิง หมวดสินค้าทุน หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่งมีจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด 728 รายการ สรุปได้ดังนี้

1. ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนกรกฎาคม 2562 เท่ากับ 93.6 (ปีฐาน 2555 = 100) (เดือนมิถุนายน 2562 เท่ากับ 93.1) โดยดัชนีราคานำเข้าเดือนกรกฎาคม 2562 หมวดสินค้าเชื้อเพลิง เท่ากับ 70.9 หมวดสินค้าทุน เท่ากับ 103.8 หมวด สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เท่ากับ 98.0 หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค เท่ากับ 102.9 และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์- การขนส่ง เท่ากับ 96.2

2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนกรกฎาคม 2562 เมื่อเทียบกับ

2.1 เทียบกับเดือนมิถุนายน 2562 (MoM) สูงขึ้นร้อยละ 0.5 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงจำแนกรายหมวดสินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป และ ก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม โดยสาเหตุหลักมาจากการตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตทั้งในและ นอกกลุ่มโอเปค และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ ทองคำ อุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ รถยนต์นั่ง หมวดสินค้าอุปโภคและบริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม นมและผลิตภัณฑ์นม เครื่องประดับอัญมณี สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง และ ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ สำหรับหมวดสินค้าทุน ดัชนีราคานำเข้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่มีการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มสินค้าสำคัญ โดยสินค้าสำคัญที่ดัชนีปรับสูงขึ้น ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์โลหะ ขณะที่สินค้าสำคัญที่ดัชนีราคาปรับลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องมือเครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และการทดสอบ

2.2 เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2561 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 0.4 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงจำแนกรายหมวดสินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ ทองคำ อุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ลวดและสายเคเบิล ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก ด้ายและเส้นใย หมวดสินค้าทุน ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การทดสอบ และผลิตภัณฑ์ทำจากยาง หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์- ยานยนต์ รถยนต์นั่ง และหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าลดลง คือ หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม และถ่านหิน

2.3 เทียบเฉลี่ยกับเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2561 (AoA) สูงขึ้นร้อยละ 0.1 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงจำแนกรายหมวดสินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าทุน ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ และการแพทย์ การทดสอบ และ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ ทองคำ อุปกรณ์ ส่วนประกอบ- เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป ด้ายและเส้นใย และพืชและผลิตภัณฑ์ จากพืช หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ เครื่องดนตรี ของเล่น เครื่องกีฬาและเครื่องสันทนาการ ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้า ปรับลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป และถ่านหิน และหมวดยานพาหนะและ อุปกรณ์การขนส่ง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์

ทั้งนี้ แนวโน้มดัชนีราคานำเข้าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 คาดว่าเศรษฐกิจของไทยยังคงชะลอตัวตามการเติบโตที่ ลดลงของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลต่ออุปสงค์ ของสินค้าต่างๆ ในตลาด และระดับราคาสินค้านำเข้าของไทย นอกจากนี้ ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ ยังคงเป็นแรง กดดันหลักที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้านำเข้าของไทย อย่างไรก็ดี ผลกระทบเชิงบวกในด้านค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการนำเข้าสินค้า

ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ