ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนเมษายน 2564

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 5, 2021 13:07 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนเมษายน 2564

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนเมษายน 2564 เท่ากับ 112.3 เทียบกับเดือนเมษายน 2563 สูงขึ้นร้อยละ 8.4 (YoY) และมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อไปอีกระยะ โดยมีปัจจัยสำคัญจากการสูงขึ้นของสินค้าหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งสูงขึ้นร้อยละ 36.1 โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 12 ปี เนื่องจากราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการลดกำลังการผลิตในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก ในขณะที่ความต้องการในตลาดโลกเริ่มสูงขึ้น จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ภายหลังที่ได้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง

1. เทียบกับเดือนเมษายน 2563 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 8.4 โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า ดังนี้ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 2.0 จากการสูงขึ้นของไม้แบบ ไม้โครงคร่าว บานประตู-หน้าต่าง ไม้คาน วงกบประตู-หน้าต่าง เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นและความต้องการใช้ไม้แปรรูปสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต สูงขึ้นร้อยละ 1.3 ซึ่งสูงขึ้นต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา โดยสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ชีทไพล์คอนกรีต คอนกรีตผสมเสร็จ และคอนกรีตหยาบ เนื่องจากราคาต้นทุนสูงขึ้นจากวัตถุดิบ คือ เหล็ก ประกอบกับฐานต่ำในปีที่ผ่านมา และการเริ่มดำเนินโครงการก่อสร้างภาครัฐ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก สูงขึ้นร้อยละ 36.1 ซึ่งยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงสูงสุดในรอบ 12 ปี โดยเป็นการปรับตัวสูงขึ้นเกือบทุกรายการ เนื่องจากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาตรการการลดการผลิตในประเทศจีน ในขณะที่ความต้องการในตลาดโลกสูงขึ้น จากสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายในหลายประเทศ หมวดกระเบื้อง สูงขึ้นร้อยละ 0.3 จากการสูงขึ้นของกระเบื้องยาง PVC ปูพื้น ซึ่งปรับราคาตามต้นทุนที่สูงขึ้น หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 3.6 ซึ่งสูงขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสินค้าสำคัญที่สูงขึ้น ได้แก่ ท่อร้อยสายไฟและสายโทรศัพท์ PVC สายไฟฟ้า VCT ท่อ PVC ก๊อกน้ำ และประตูน้ำ เนื่องจากราคาต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ สูงขึ้นร้อยละ 3.3 ซึ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการสูงขึ้นของยางมะตอย จากความต้องการในตลาดสูงขึ้นจากการเริ่มดำเนินงานโครงการก่อสร้างภาครัฐ ในขณะที่หมวดสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงลดลง ได้แก่ หมวดซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 1.5 ซึ่งยังคงลดลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากการลดลงของปูนซีเมนต์ผสม ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ และปูนฉาบสำเร็จรูป เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้นจากโครงการก่อสร้างภาครัฐ ในขณะที่การก่อสร้างภาคเอกชนยังคงซบเซา หมวดวัสดุฉาบผิว ลดลงร้อยละ 0.1 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาจากการลดลงของซิลิโคน และหมวดสุขภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 0.2 ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

2. เทียบกับเดือนมีนาคม 2564 (MoM) สูงขึ้นร้อยละ 1.9 โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า ดังนี้ หมวดซีเมนต์ สูงขึ้นร้อยละ 0.5 จากการสูงขึ้นของ ปูนซีเมนต์ผสม หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก สูงขึ้นร้อยละ 6.2 จากการสูงขึ้นของเหล็กเส้นกลมผิวเรียบ-ผิวข้ออ้อย เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ลวดผูกเหล็ก ท่อเหล็กเคลือบสังกะสีท่อเหล็กกลวงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ท่อสแตนเลส เหล็กแผ่นเรียบดำ ตะแกรงเหล็กสำเร็จรูป ตะปู และเมทัลชีท เนื่องจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความต้องการในประเทศเริ่มสูงขึ้น จากสถานการณ์โรคระบาดที่เริ่มคลี่คลาย หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 1.2 จากการสูงขึ้นของท่อร้อยสายไฟและสายโทรศัพท์ PVC สายไฟฟ้า VCT ท่อ PVC ข้องอท่อประปา ข้อต่อท่อประปา สามทางท่อประปา เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่สำคัญ คือ ทองแดง ปรับตัวสูงขึ้น และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่นๆ สูงขึ้นร้อยละ 1.0 จากการสูงขึ้นของยางมะตอย เนื่องจากความต้องการสูงขึ้น ประกอบราคาต้นทุนคือ น้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนสินค้าที่ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต หมวดกระเบื้อง หมวดวัสดุฉาบผิว และหมวดสุขภัณฑ์

3. เฉลี่ย 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) ปี 2564 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (AoA) สูงขึ้นร้อยละ 5.4 โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า ดังนี้ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 1.6 จากการสูงขึ้นของบานประตู-หน้าต่าง วงกบประตู-หน้าต่าง ไม้คาน ไม้โครงคร่าว และไม้แบบ เนื่องจากต้นทุนเฉลี่ยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีความต้องการใช้ไม้แปรรูปสูงขึ้น หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก สูงขึ้นร้อยละ 24.7 จากการสูงขึ้นของเหล็กเส้นกลมผิวเรียบ-ผิวข้ออ้อย เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ลวดเหล็ก ท่อเหล็กเคลือบสังกะสี ท่อเหล็กกลวงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ท่อสแตนเลส เหล็กแผ่นเรียบดำ ชีทไพล์เหล็ก ตะแกรงเหล็กสำเร็จรูป น๊อต ตะปู ข้อต่อเหล็ก และเมทัลชีท ซึ่งยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากราคาเหล็กในตลาดโลกที่สูงขึ้นจากการลดกำลังการผลิตในประเทศจีน หมวดกระเบื้อง สูงขึ้นร้อยละ 0.7 จากการสูงขึ้นของ กระเบื้องยาง PVC ปูพื้น และกระเบื้องแกรนิต เนื่องจากราคาต้นทุนสูงขึ้น หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 2.1 จากการสูงขึ้นของข้อต่อ-ข้องอ ท่อประปา สายไฟ VCT ท่อร้อยสายไฟและสายโทรศัพท์ PVC ท่อ PVC ก๊อกน้ำ และประตูน้ำ จากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่นๆ สูงขึ้นร้อยละ 1.6 จากการสูงขึ้นของยางมะตอย เนื่องจากความต้องการสูงขึ้นจากการเริ่มดำเนินงานโครงการก่อสร้างภาครัฐ ประกอบกับต้นทุนจากราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น ในขณะที่หมวดสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงลดลง ได้แก่ หมวดซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 2.3 จากการลดลงของปูนซีเมนต์ผสม ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ และปูนฉาบสำเร็จรูป เนื่องจากภาวการณ์ก่อสร้างที่ยังคงซบเซา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่มีแนวโน้มที่จะมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากการเริ่มดำเนินงานโครงการก่อสร้างภาครัฐ หมวดวัสดุฉาบผิว ลดลงร้อยละ 0.1 จากการลดลงของสีทาถนน ชนิดสะท้อนแสง และซิลิโคน และหมวดสุขภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 0.3 จากการลดลงของกระจกเงา ฉากกั้นห้องอาบน้ำสำเร็จรูป ฝักบัวอาบน้ำ สายฉีดชำระ และราวแขวนผ้าติดผนัง ส่วนสินค้าที่ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต

4. แนวโน้มดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนพฤษภาคม ปี 2564
ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนพฤษภาคม 2564 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ความต้องการเหล็กสูงขึ้นทั่วโลก ขณะที่ปริมาณเหล็กยังคงมีน้อยกว่าความต้องการ โดยเฉพาะในจีนที่มีการลดกำลังการผลิตตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 ตามมาตรการควบคุมมลภาวะทางอากาศ ขณะเดียวกัน การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างภายในประเทศ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างภาครัฐ ทำให้ความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างหลายประเภทสูงขึ้น ประกอบกับนโยบาย "Made in Thailand" ที่ส่งเสริมการใช้เหล็กที่ผลิตในประเทศ น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องปรับตัวดีขึ้นในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่รุนแรงกว่าที่ผ่านมา อาจส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมชะลอตัว รวมทั้ง หากภาครัฐออกมาตรการควบคุมราคา และเปิดให้มีการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ อาจจะเป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเหล็ก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้ ในระยะต่อไป

ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ