ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศเดือนกุมภาพันธ์ 2567

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 5, 2024 15:11 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 2.2 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ทองคำ เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาตลาดโลก และเครื่องประดับเทียม เนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมันก๊าด เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาตลาดโลกกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ ข้าวสารเจ้า น้ำตาลทราย ข้าวนึ่ง น้ำสับปะรด มันเส้น น้ำมันปาล์ม ข้าวสารเหนียว และสับปะรดกระป๋อง เนื่องจากความต้องการของตลาดมีอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและส่งออก กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน น้ำยางข้น ประตูพีวีซี และถุงพลาสติก เนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น กลุ่มเครื่องจักรและเครื่องมือ ได้แก่ เครื่องสูบน้ำ และคอมเพรสเซอร์ เนื่องจากต้นทุนราคาวัตถุดิบและค่าจ้างแรงงานปรับเพิ่มขึ้น กลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถบรรทุกขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และรถยนต์นั่ง ต่ำกว่า 1800 ซีซี เนื่องจากต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจากการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บางชิ้นส่วน (Minor Change) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ ได้แก่ คอนกรีตผสมเสร็จ โถส้วม เสาเข็มคอนกรีต ท่อซีเมนต์ใยหิน แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ท่อคอนกรีต อ่างล้างหน้า และอิฐก่อสร้าง เนื่องจากต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้น อาทิ ราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และค่าจ้างแรงงาน เป็นต้น

ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนกุมภาพันธ์ 2567 เท่ากับ111.6 (ปี 2558=100)

เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงร้อยละ1. เดือนกุมภาพันธ์ 2566 (YoY)สูงขึ้น1.2 2. เดือนมกราคม 2567 (MoM) สูงขึ้น1.2 3. เฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค. -ก.พ.) ปี 2567

สูงขึ้น0.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 (AoA)Highlights

ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศ แบ่งตามกิจกรรมการผลิต (CPA:Classificationof ProductsbyActivity)เดือนกุมภาพันธ์ 2567 (ปี 2558 = 100) เท่ากับ 111.6เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2566 สูงขึ้นร้อยละ 1.2(YoY)ประกอบด้วย หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 2.2 โดยมีกลุ่มสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก เครื่องจักรและเครื่องมือ ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ และหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 5.5 เป็นผลจากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าวเปลือก อ้อย หัวมันสำปะหลังสด สับปะรดโรงงาน ยางพารา และผลปาล์มสด ขณะที่หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 26.7 จากราคาสินค้าก๊าซธรรมชาติ และสินแร่โลหะ (สังกะสี เหล็ก ดีบุก)

ดัชนีราคาผู้ผลิต แบ่งตามขั้นตอนการผลิต (SOP : Stage of Processing)พบว่า ดัชนีหมวดสินค้าสำเร็จรูป และหมวดสินค้ากึ่งสำเร็จรูป (แปรรูป) สูงขึ้นร้อยละ 1.8 และ 2.5 ตามลำดับ ขณะที่หมวดสินค้าวัตถุดิบ ลดลงร้อยละ 5.8 โดยในห่วงโซ่อุปทานมีสินค้าสำเร็จรูป ที่ราคาเคลื่อนไหวตามราคาวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต้นน้ำ/กลางน้ำ ประกอบด้วย สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวสารเจ้า/ข้าวนึ่ง/ปลายข้าว ข้าวเปลือกเหนียว ข้าวสารเหนียว และ อ้อย น้ำตาลทราย สำหรับสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ สุกรมีชีวิต เนื้อสุกร และ เม็ดพลาสติก บรรจุภัณฑ์พลาสติก (กระสอบพลาสติก บรรจุภัณฑ์อื่นๆ)1. เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2566 (YoY)สูงขึ้นร้อยละ 1.2 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 2.2 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ

1. เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2566 (YoY)สูงขึ้นร้อยละ 1.2 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้

หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 5.5 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย กลุ่มพืชล้มลุก ได้แก่ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว และอ้อย เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ประเทศผู้ค้าข้าวและอ้อยรายสำคัญในตลาดโลกมีมาตรการจำกัดการส่งออกข้าวและน้ำตาล ประกอบกับปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้ปริมาณผลผลิตลดลง หัวมันสำปะหลังสด เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น และสับปะรดโรงงาน เนื่องจากผลผลิตเข้าสู่ตลาดน้อยจากภาวะแล้ง ขณะที่ความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้นจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ กลุ่มไม้ยืนต้น ได้แก่ ยางพารา เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมของประเทศคู่ค้าปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้ความต้องการใช้และเก็บสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น และผลปาล์มสด เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พืชน้ำมันที่ใช้เป็นส่วนประกอบเชื้อเพลิงชีวภาพปรับราคาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สำหรับสินค้าที่ราคาปรับลดลง ประกอบด้วย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากความต้องการใช้ในภาคปศุสัตว์ลดลงกว่าปีก่อน กลุ่มสัตว์ ได้แก่ สุกรมีชีวิต โคมีชีวิต และไก่มีชีวิต เนื่องจากปริมาณผลผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งจากการนำเข้าและการผลิตของเกษตรกรในประเทศ ขณะที่ความต้องการบริโภคยังไม่ฟื้นตัวดี ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มลดลง และผลิตภัณฑ์จากการประมง ได้แก่ กุ้งแวนนาไม เนื่องจากปริมาณผลผลิตในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาปรับลดลง ประกอบกับความต้องการบริโภคจากภาคครัวเรือนและภาคการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวช้า

หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 26.7 จากการลดลงของราคาสินค้า ได้แก่ก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวตามทิศทางของราคาตลาดโลก ประกอบกับมีการปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ส่งผลให้ราคาปรับลดลง และสินแร่โลหะ (สังกะสี เหล็ก ดีบุก) เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวตามราคาตลาดโลก2. เทียบกับเดือนมกราคม 2567 (MoM)สูงขึ้นร้อยละ 1.2 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้

หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 2.4 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย กลุ่มไม้ยืนต้น ได้แก่ ยางพารา เนื่องจากความต้องการของภาคการส่งออกเพิ่มขึ้นจากการที่ภาคอุตสาหกรรมของประเทศคู่ค้าสำคัญเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า กลุ่มพืชล้มลุก ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว และอ้อย เนื่องจากความต้องการสินค้าในตลาดโลกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากข้าวเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณผลผลิตมีน้อยจากภาวะแล้ง รวมถึงมีมาตรการจำกัดหรือระงับการส่งออกของประเทศผู้ส่งออกข้าวและน้ำตาลรายสำคัญ หัวมันสำปะหลังสด เนื่องจากผลผลิตฤดูกาลใหม่เริ่มทยอยออกสู่ตลาด แต่ปริมาณยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น และมะนาว เนื่องจากภาวะแล้งทำให้ปริมาณผลผลิตลดลงมาก กลุ่มสัตว์ ได้แก่สุกร เนื่องจากปัญหาการนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อนเริ่มคลี่คลาย และมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการกำหนดราคาสุกรหน้าฟาร์ม ประกอบกับมีความต้องการเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน และผลิตภัณฑ์จากการประมง ได้แก่ กุ้งแวนนาไม เนื่องจากความต้องการบริโภคกุ้งในประเทศเพิ่มขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับผลผลิตกุ้งไทยมีคุณภาพที่ดีขึ้น สำหรับสินค้าสำคัญที่ราคาปรับลดลง ประกอบด้วย ผลปาล์มสด เนื่องจากปริมาณผลผลิตเริ่มเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรมยังคงทรงตัว และไข่ไก่ เนื่องจากปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่ภาคการบริโภคและการส่งออกยังทรง

2. เทียบกับเดือนมกราคม 2567 (MoM)สูงขึ้นร้อยละ 1.2 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้

หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 1.1 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 น้ำมันเตา และน้ำมันก๊าด เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลกที่สูงขึ้น จากการปรับลดกำลังการผลิตของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ประกอบกับตลาดยังมีความกังวลกับสถานการณ์ขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น กลุ่มเครื่องจักรและเครื่องมือ ได้แก่ เครื่องสูบน้ำ เนื่องจากราคาวัตถุดิบและค่าจ้างแรงงานปรับสูงขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง น้ำยางข้น และถุงพลาสติก เนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ ทองคำ เนื่องจากมีแรงซื้อช่วงเทศกาลตรุษจีน ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่าเป็นแรงหนุนราคาทองคำในประเทศสูงขึ้น ไม้แบดมินตัน ลูกฟุตบอล และลูกวอลเล่ย์บอล เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับสูงขึ้น กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติก ปุ๋ยเคมีผสม และเอทานอล เนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ IntegratedCircuit(IC)อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และแผงวงจรพิมพ์ เนื่องจากเป็นสินค้าส่งออกราคาจึงปรับสูงขึ้นตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่า กลุ่มสิ่งทอ ได้แก่ ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว และเส้นใยสังเคราะห์ เนื่องจากผู้ผลิตบางราย มีต้นทุนค่าจ้างแรงงานและราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น และกลุ่มโลหะขั้นมูลฐาน ได้แก่ เหล็กแท่ง เนื่องจากราคาเศษเหล็กที่ใช้เป็นวัตถุดิบปรับสูงขึ้น

หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 0.8 จากการลดลงของราคาสินค้า ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ (NG) เนื่องจากมีการปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ส่งผลให้ราคาปรับลดลง และสินแร่โลหะ (สังกะสี) เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก3. เฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค. -ก.พ.) ปี 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 (AoA) สูงขึ้นร้อยละ 0.7 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้

หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 5.0 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว อ้อย หัวมันสำปะหลังสด ผลปาล์มสด น้ำยางสด เศษยาง ยางแผ่นดิบ สับปะรดโรงงาน และสับปะรดบริโภค สำหรับสินค้าสำคัญที่ราคาปรับลดลงได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พืชผัก(มะนาว มะเขือ ถั่วฝักยาว แตงกวา พริกสด ผักคะน้า) สุกรมีชีวิต ไก่มีชีวิต โคมีชีวิต และกุ้งแวนนาไม

หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 1.6 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ ทองคำ และเครื่องประดับเทียม กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ ข้าวสารเจ้า น้ำตาลทราย ข้าวนึ่ง ไก่สด มันเส้น น้ำสับปะรด น้ำมันปาล์มดิบ และข้าวสารเหนียว กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน น้ำยางข้น ประตูพีวีซี และถุงพลาสติก กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 กลุ่มเครื่องจักรและเครื่องมือได้แก่ เครื่องสูบน้ำ และคอมเพรสเซอร์ กลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถบรรทุกขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และรถยนต์นั่ง ต่ำกว่า 1800 ซีซี และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ ได้แก่ คอนกรีตผสมเสร็จ โถส้วม เสาเข็มคอนกรีต แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ท่อซีเมนต์ใยหิน และอิฐก่อสร้าง

หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 24.3 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ (NG) และสินแร่โลหะ (สังกะสี)

ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมีนาคม 2567 มีแนวโน้มสูงขึ้น จากปัจจัยทางด้านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น และราคาสินค้าเกษตรกรรมที่มีความเสี่ยงจากภาวะภัยแล้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าโดยรวม ทั้งสินค้าในหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง และหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมงให้ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับภาคการผลิตของไทยจะยังได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวมีทิศทางขยายตัว และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่มีแนวโน้มทยอยฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลบวกต่อความต้องการสินค้า นอกจากนี้ ฐานราคาปี 2566 ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า จึงคาดว่าจะทำให้ดัชนีราคาผู้ผลิตขยายตัวได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของภาครัฐ หนี้สินภาคธุรกิจและครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งในทะเลแดงที่อาจเป็นอุปสรรคทางการค้าและเพิ่มความเสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทานการผลิต ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศไทยตามลำดับ ทั้งนี้ จะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป4. แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนมีนาคม 2567

ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ