ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศเดือนมีนาคม 2567 และไตรมาสแรกของปี 2567

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 5, 2024 10:57 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

Highlights

ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศ แบ่งตามกิจกรรมการผลิต (CPA:Classificationof ProductsbyActivity)เดือนมีนาคม 2567 (ปี 2558 = 100) เท่ากับ 112.4เทียบกับเดือนมีนาคม 2566 สูงขึ้นร้อยละ 2.1 (YoY)ประกอบด้วย หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 2.4 โดยมีกลุ่มสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก เครื่องจักรและเครื่องมือ ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ และหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 5.9 เป็นผลจากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว อ้อย หัวมันสำปะหลังสด สับปะรดโรงงาน และยางพารา ขณะที่หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 13.7 จากราคาสินค้าก๊าซธรรมชาติ และสินแร่โลหะ (สังกะสี วุลแฟรม)

ดัชนีราคาผู้ผลิต แบ่งตามขั้นตอนการผลิต (SOP : Stage of Processing)ประกอบด้วย ดัชนีราคาหมวดสินค้าสำเร็จรูป หมวดสินค้ากึ่งสำเร็จรูป (แปรรูป) และหมวดสินค้าวัตถุดิบสูงขึ้นร้อยละ 2.0 2.8 และ 0.4 ตามลำดับ โดยในห่วงโซ่อุปทานมีสินค้าสำเร็จรูปที่ราคาเคลื่อนไหวตามราคาวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต้นน้ำ/กลางน้ำ ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวสารเจ้า/ข้าวนึ่ง/ปลายข้าว ข้าวเปลือกเหนียว ข้าวสารเหนียว ยางแผ่นดิบ/น้ำยางสด/เศษยางยางแผ่นรมควัน/ยางแท่ง/น้ำยางข้นและอ้อย น้ำตาลทราย1. เทียบกับเดือนมีนาคม 2566 (YoY)สูงขึ้นร้อยละ 2.1 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 2.4 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ทองคำ เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาตลาดโลก และเครื่องประดับเทียม เนื่องจากวัสดุที่ใช้ในการผลิตปรับราคาสูงขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันดีเซลน้ำมันเตา น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 และน้ำมันก๊าด เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาตลาดโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ ข้าวสารเจ้า น้ำตาลทรายข้าวนึ่ง น้ำสับปะรด ข้าวสารเหนียว สับปะรดกระป๋อง นมพร้อมดื่ม และน้ำมันปาล์ม เนื่องจากความต้องการของตลาดมีอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและส่งออก ประกอบกับราคาวัตถุดิบสินค้าเกษตรปรับสูงขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน และน้ำยางข้น ประตูพีวีซี และถุงพลาสติกเนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น กลุ่มเครื่องจักรและเครื่องมือ ได้แก่ เครื่องสูบน้ำ และคอมเพรสเซอร์ เนื่องจากต้นทุนราคาวัตถุดิบและค่าจ้างแรงงานปรับเพิ่มขึ้น กลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถบรรทุก และรถยนต์นั่ง ต่ำกว่า 1,800 ซีซี เนื่องจากต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจากการปรับเปลี่ยนบางชิ้นส่วนอุปกรณ์ (Minor Change) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ ได้แก่ คอนกรีตผสมเสร็จ โถส้วม เสาเข็มคอนกรีต แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ท่อซีเมนต์ใยหิน อิฐก่อสร้าง และอ่างล้างหน้า เนื่องจากต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้น อาทิ ราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และค่าจ้างแรงงาน เป็นต้น

1. เทียบกับเดือนมีนาคม 2566 (YoY)สูงขึ้นร้อยละ 2.1 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้

หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 5.9 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย กลุ่มพืชล้มลุก ได้แก่ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว และอ้อยเนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ประเทศผู้ค้าข้าวและอ้อยรายสำคัญในตลาดโลกมีมาตรการจำกัดการส่งออกข้าวและน้ำตาล ประกอบกับปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้ปริมาณผลผลิตลดลง หัวมันสำปะหลังสด เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การระบาดของโรคใบด่างทำให้ปริมาณผลผลิตมีน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด และสับปะรดโรงงาน เนื่องจากผลผลิตเข้าสู่ตลาดน้อยจากภาวะแล้ง ขณะที่ความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้นจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ และกลุ่มไม้ยืนต้น ได้แก่ ยางพารา เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมของประเทศคู่ค้าปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้ความต้องการใช้และเก็บสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น สำหรับสินค้าที่ราคาปรับลดลง ประกอบด้วยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากความต้องการใช้ในภาคปศุสัตว์ลดลงกว่าปีก่อน กลุ่มสัตว์ ได้แก่ สุกรมีชีวิต โคมีชีวิต และไก่มีชีวิต เนื่องจากปริมาณผลผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งจากการนำเข้าและการผลิตของเกษตรกรในประเทศ ขณะที่ภาวะการค้าและความต้องการบริโภคยังชะลอตัว ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มลดลง และผลิตภัณฑ์จากการประมง ได้แก่ กุ้งแวนนาไม เนื่องจากปริมาณผลผลิตในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาปรับลดลง ประกอบกับความต้องการบริโภคจากภาคครัวเรือนและภาคการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวช้า

หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 13.7 จากการลดลงของราคาสินค้า ได้แก่ก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวตามทิศทางของราคาตลาดโลก ประกอบกับมีการปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ส่งผลให้ราคาปรับลดลง และสินแร่โลหะ (สังกะสี วุลแฟรม) เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวตามราคาตลาดโลก

2. เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2567 (MoM)สูงขึ้นร้อยละ 0.7 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้

หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 1.2 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย กลุ่มไม้ยืนต้น ได้แก่ ยางพารา เนื่องจากความต้องการของภาคการส่งออกเพิ่มขึ้นจากการที่ภาคอุตสาหกรรมของประเทศคู่ค้าสำคัญเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ปริมาณผลผลิตมีน้อยจากการงดกรีดยางในช่วงฤดูกาลผลัดใบกลุ่มพืชล้มลุก ได้แก่ ข้าวเปลือกเหนียว และอ้อย เนื่องจากความต้องการสินค้าจากทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลกเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณผลผลิตมีน้อยจากภาวะแล้ง รวมถึงมีมาตรการจำกัดหรือระงับการส่งออกของประเทศผู้ส่งออกน้ำตาลรายสำคัญ หัวมันสำปะหลังสด เนื่องจากผลผลิตฤดูกาลใหม่เริ่มทยอยออกสู่ตลาด แต่ปริมาณยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น และมะนาว จากภาวะแล้งทำให้ปริมาณผลผลิตลดลงมาก สำหรับสินค้าสำคัญที่ราคาปรับลดลง ประกอบด้วย ข้าวเปลือกเจ้า เนื่องจากเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตของประเทศผู้ผลิตรายสำคัญในภูมิภาค ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ราคาจึงปรับตัวลดลง ปาล์มน้ำมัน เนื่องจากความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานลดลง จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถพลังงานไฟฟ้า และการปรับมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำกัดการใช้ส่วนผสมไบโอดีเซล ไข่ไก่ เนื่องจากปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่ภาคการบริโภคและการส่งออกยังทรงตัว กลุ่มสัตว์ ได้แก่สุกร และกลุ่มผลิตภัณฑ์จากการประมง ได้แก่ กุ้งแวนนาไม เนื่องจากผ่านพ้นช่วงเทศกาลตรุษจีนที่มีความต้องการของตลาดสูงไปแล้ว

2. เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2567 (MoM)สูงขึ้นร้อยละ 0.7 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้

หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 0.5 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ ทองคำ ซึ่งราคาเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก เนื่องจากนักลงทุนและธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นเพื่อถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางการเงินและการเมืองจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เครื่องประดับเทียม และลูกเทนนิส เนื่องจากผู้ผลิตบางรายมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และไม่ได้ปรับราคานานแล้ว กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน และน้ำยางข้น เนื่องจากความต้องการของตลาดโลกมีมากขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงปิดกรีดยาง ส่งผลให้ปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตมีน้อย กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติก เนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น และโซดาไฟ เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ประกอบกับความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ ข้าวสารเจ้า น้ำมันปาล์ม นมพร้อมดื่ม กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำสับปะรด สับปะรดกระป๋อง น้ำมันถั่วเหลืองบริสุทธิ์ ข้าวสารเหนียว และแป้งข้าวเจ้า เนื่องจากวัตถุดิบสินค้าเกษตรที่ใช้ในการผลิตมีราคาสูงขึ้น มันอัดเม็ด และแป้งมันสำปะหลัง เนื่องจากปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตมีน้อย กลุ่มสิ่งทอ ได้แก่ ผ้าเช็ดตัว เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ผลิตบางรายมีการปรับเกรดคุณภาพของสินค้าให้ดีขึ้น และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ ได้แก่ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เนื่องจากผู้ผลิตให้เปอร์เซ็นต์ส่วนลดกับลูกค้าน้อยลงเสาเข็มคอนกรีต แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป คอนกรีตผสมเสร็จ อิฐก่อสร้าง และคอนกรีตบล็อก (อิฐบล็อก อิฐมวลเบา) เนื่องจากต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น อาทิ ราคาวัสดุในการผลิตแต่ละรอบ ค่าขนส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการผลิต

หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง สูงขึ้นร้อยละ 5.4 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ (NG)น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และสินแร่โลหะ (สังกะสี เหล็ก ดีบุก) เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก

3. ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 1.2 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้

หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 5.3 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว อ้อย หัวมันสำปะหลังสด ผลปาล์มสด ยางพารา สับปะรดบริโภค และสับปะรดโรงงาน สำหรับสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มะนาว สุกรมีชีวิต ไก่มีชีวิต โคมีชีวิต และกุ้งแวนนาไม

หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 1.8 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ ทองคำ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ข้าวนึ่ง ปลายข้าว น้ำตาลทราย น้ำสับปะรด สับปะรดกระป๋อง แป้งมันสำปะหลัง และน้ำมันปาล์ม กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และน้ำยางข้น กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 น้ำมันเตา และน้ำมันเครื่องบิน กลุ่มเครื่องจักรและเครื่องมือ ได้แก่ เครื่องสูบน้ำ และคอมเพรสเซอร์ และกลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถบรรทุก และรถยนต์นั่ง ต่ำกว่า 1,800ซีซี

หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 21.0 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และสินแร่โลหะ (สังกะสี)

4. ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) สูงขึ้นร้อยละ 0.1 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้

หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 5.1 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ อ้อย หัวมันสำปะหลังสด ยางพารา มะนาว สับปะรดโรงงาน และกุ้งแวนนาไม สำหรับสินค้าสำคัญที่ราคาลดลงได้แก่ข้าวเปลือก ไก่มีชีวิต และไข่ไก่หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 7.5 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียมดิบและสินแร่โลหะ (สังกะสี)

หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 0.1 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา ยางมะตอย ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และน้ำมันหล่อลื่น กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ได้แก่ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และหน่วยรับข้อมูล/แสดงผล และกลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติก และโซดาไฟ กลุ่มกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ ได้แก่ เยื่อกระดาษ กระดาษพิมพ์เขียน และกล่องกระดาษ และกลุ่มโลหะขั้นมูลฐาน ได้แก่ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก เหล็กแผ่นชุบโครเมียม เหล็กแท่ง เหล็กแผ่นรีดร้อน และเหล็กรูปตัวซี5. แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิต ไตรมาสที่ 2 ปี 2567

ดัชนีราคาผู้ผลิต ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 มีแนวโน้มสูงขึ้น ตามราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ราคาสินค้าที่เกี่ยวเนื่องในหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งสินค้าต่างๆ ปรับสูงขึ้น ประกอบกับภาวะภัยแล้งจากเอลนีโญที่คาดว่าจะส่งผลถึงช่วงกลางปี อาจทำให้ปริมาณผลผลิตในภาคการเกษตรลดลง ผลผลิตบางส่วนเกิดความเสียหาย และผลผลิตออกสู่ตลาดคลาดเคลื่อนจากฤดูกาลปกติ ส่งผลให้ราคาสินค้าในหมวดเกษตรกรรมปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ ฐานราคาปี 2566 ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า จึงคาดว่าจะทำให้ดัชนีราคาผู้ผลิตมีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากทั้งราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ความเข้มงวดในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของภาครัฐ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศไทยตามลำดับ ทั้งนี้ จะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ