คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 287 / 2549 เรื่อง จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” (ศจพ.) ดังนี้
ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549 โดยในคำแถลงนโยบายดังกล่าว ได้มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งและความสงบสุขภายในสังคม โดยการมีส่วนร่วมของคนในชาติอย่าง “รู้ รัก สามัคคี ” จะเสริมสร้างระบบการตรวจสอบการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมระบบคุณธรรม และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการขับเคลื่อนแนวทางการดำรงชีวิตภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสร้างความผาสุกให้เกิดขึ้นแก่ประชาชน
เพื่อให้การขจัดความยากจนและพัฒนาชนบท ซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานสำคัญของประเทศเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินชีวิตภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในสังคมทุกระดับชั้น จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จัดตั้งองค์กรอำนวยการแก้ไขปัญหาขึ้น ดังนี้
1. การจัดตั้งองค์กรอำนวยการและบริหารจัดการ
ให้จัดตั้งองค์กรอำนวยการโดยใช้ชื่อว่า “ ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ” เรียกชื่อย่อว่า “ ศจพ. ” โดยให้เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในมีผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ
2. อำนาจหน้าที่
1) กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แนวทาง มาตรการ และกำกับดูแล ตรวจสอบ การดำเนิน งานแก้ไขปัญหา ตลอดจนเสนอแนะนโยบายแก่คณะรัฐมนตรี
2) อำนวยการ สั่งการ เร่งรัด กำกับดูแล ตรวจสอบ ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินงานตามแนวทางที่กำหนดไว้
3) บูรณาการงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามหลัก โปร่งใส ประหยัด เป็นธรรม และประสิทธิภาพ
4) มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้บังเกิดผล สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยกำหนดให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีแผนปฏิบัติการ บูรณาการแผนและงบประมาณให้บังเกิด ผลในการปฏิบัติสูงสุด
5) จัดตั้ง “ ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ” (ศจพ.) ระดับต่างๆ
6) แต่งตั้ง คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน ตามความจำเป็นเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
7) รายงานผลการปฏิบัติงาน ตลอดจนปัญหา/อุปสรรค ข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกระยะ
8) ดำเนินการอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
3. แนวทางปฏิบัติ
1) ขจัดความยากจนและพัฒนาชนบท ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยให้อยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของความสมดุลพอดี และความพอประมาณอย่างมีเหตุผลภายใต้ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ” อันจะนำไปสู่ความเจริญทางเศรษฐกิจของประเทศ
2) ขจัดความยากจนและพัฒนาชนบท ให้แก่ประชาชนชาวไทย ด้วยการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างศักยภาพของประชาชนในระดับรากแก้วให้เข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกัน สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืนบนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
3) รวบรวม บริหารจัดการข้อมูลคนยากจนในพื้นที่และแบ่งแยกปัญหาให้เป็นหมวดหมู่เพื่อให้การดำเนินการช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาใช้องค์กร หน่วยงาน และทรัพยากร รวมทั้งการดำเนินการด้านงบประมาณในการสนับสนุนและพัฒนาตามความเหมาะสม ทั้งในด้านการให้ความรู้ เทคโนโลยี และการพัฒนาอาชีพ
4) แสวงหาความร่วมมือจากภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาชน ในการเข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนการดำเนินงาน
5) ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนการดำเนินงานของ ศจพ. ทุกระดับ อย่างรวดเร็วและเต็มตามความสามารถตามที่ได้รับการร้องขอ
6) ขจัดการเอาเปรียบทางสังคมต่อคนจนในทุกด้าน เพื่อให้คนจนได้รับโอกาสทางการศึกษาและการบริการทางสังคมอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง โดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดต่อผู้มีพฤติการณ์เอารัดเอาเปรียบต่อสังคมและประเทศชาติ
7) รณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนในระดับรากแก้ว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีค่านิยม อุดมการณ์ รักและภาคภูมิใจในความเป็นไทย ดำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณีที่ดีงาม และภูมิปัญญาท้องถิ่น รู้จักปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติ เข้าใจถึงสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ ใช้กิจกรรมในทางสร้างสรรค์เพื่อขจัดความยากจนให้ประชาชนหลุดพ้นอย่างยั่งยืน
8) ให้สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังจัดระบบ และจัดเตรียมงบประมาณรองรับการดำเนินงานและการปฏิบัติตามคำสั่งนี้ และให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานของ “ ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ” ( ศจพ. ) ทุกระดับ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2549 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มกราคม 2550--จบ--
ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549 โดยในคำแถลงนโยบายดังกล่าว ได้มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งและความสงบสุขภายในสังคม โดยการมีส่วนร่วมของคนในชาติอย่าง “รู้ รัก สามัคคี ” จะเสริมสร้างระบบการตรวจสอบการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมระบบคุณธรรม และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการขับเคลื่อนแนวทางการดำรงชีวิตภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสร้างความผาสุกให้เกิดขึ้นแก่ประชาชน
เพื่อให้การขจัดความยากจนและพัฒนาชนบท ซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานสำคัญของประเทศเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินชีวิตภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในสังคมทุกระดับชั้น จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จัดตั้งองค์กรอำนวยการแก้ไขปัญหาขึ้น ดังนี้
1. การจัดตั้งองค์กรอำนวยการและบริหารจัดการ
ให้จัดตั้งองค์กรอำนวยการโดยใช้ชื่อว่า “ ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ” เรียกชื่อย่อว่า “ ศจพ. ” โดยให้เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในมีผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ
2. อำนาจหน้าที่
1) กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แนวทาง มาตรการ และกำกับดูแล ตรวจสอบ การดำเนิน งานแก้ไขปัญหา ตลอดจนเสนอแนะนโยบายแก่คณะรัฐมนตรี
2) อำนวยการ สั่งการ เร่งรัด กำกับดูแล ตรวจสอบ ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินงานตามแนวทางที่กำหนดไว้
3) บูรณาการงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามหลัก โปร่งใส ประหยัด เป็นธรรม และประสิทธิภาพ
4) มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้บังเกิดผล สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยกำหนดให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีแผนปฏิบัติการ บูรณาการแผนและงบประมาณให้บังเกิด ผลในการปฏิบัติสูงสุด
5) จัดตั้ง “ ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ” (ศจพ.) ระดับต่างๆ
6) แต่งตั้ง คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน ตามความจำเป็นเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
7) รายงานผลการปฏิบัติงาน ตลอดจนปัญหา/อุปสรรค ข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกระยะ
8) ดำเนินการอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
3. แนวทางปฏิบัติ
1) ขจัดความยากจนและพัฒนาชนบท ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยให้อยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของความสมดุลพอดี และความพอประมาณอย่างมีเหตุผลภายใต้ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ” อันจะนำไปสู่ความเจริญทางเศรษฐกิจของประเทศ
2) ขจัดความยากจนและพัฒนาชนบท ให้แก่ประชาชนชาวไทย ด้วยการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างศักยภาพของประชาชนในระดับรากแก้วให้เข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกัน สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืนบนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
3) รวบรวม บริหารจัดการข้อมูลคนยากจนในพื้นที่และแบ่งแยกปัญหาให้เป็นหมวดหมู่เพื่อให้การดำเนินการช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาใช้องค์กร หน่วยงาน และทรัพยากร รวมทั้งการดำเนินการด้านงบประมาณในการสนับสนุนและพัฒนาตามความเหมาะสม ทั้งในด้านการให้ความรู้ เทคโนโลยี และการพัฒนาอาชีพ
4) แสวงหาความร่วมมือจากภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาชน ในการเข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนการดำเนินงาน
5) ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนการดำเนินงานของ ศจพ. ทุกระดับ อย่างรวดเร็วและเต็มตามความสามารถตามที่ได้รับการร้องขอ
6) ขจัดการเอาเปรียบทางสังคมต่อคนจนในทุกด้าน เพื่อให้คนจนได้รับโอกาสทางการศึกษาและการบริการทางสังคมอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง โดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดต่อผู้มีพฤติการณ์เอารัดเอาเปรียบต่อสังคมและประเทศชาติ
7) รณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนในระดับรากแก้ว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีค่านิยม อุดมการณ์ รักและภาคภูมิใจในความเป็นไทย ดำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณีที่ดีงาม และภูมิปัญญาท้องถิ่น รู้จักปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติ เข้าใจถึงสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ ใช้กิจกรรมในทางสร้างสรรค์เพื่อขจัดความยากจนให้ประชาชนหลุดพ้นอย่างยั่งยืน
8) ให้สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังจัดระบบ และจัดเตรียมงบประมาณรองรับการดำเนินงานและการปฏิบัติตามคำสั่งนี้ และให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานของ “ ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ” ( ศจพ. ) ทุกระดับ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2549 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มกราคม 2550--จบ--