แท็ก
คณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงหมาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรม
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้งและการให้ความช่วยเหลือที่ได้ดำเนิน
การแล้ว ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 8 พฤศจิกายน 2547 สรุปได้ดังนี้
1. สถานการณ์ความแห้งแล้ง
1.1 จังหวัดที่ประสบภัย จำนวน 39 จังหวัด 384 อำเภอ 27 กิ่งอำเภอ 2,399
ตำบล 22,238 หมู่บ้าน แยกได้ ดังนี้
ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ นครสวรรค์ แพร่
พิษณุโลก ลำปาง พะเยา และสุโขทัย เพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา
บุรีรัมย์ สกลนคร ยโสธร ร้อยเอ็ด อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ หนองคาย มหาสารคาม สุรินทร์
มุกดาหาร ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ
ภาคกลาง จำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยนาท ลพบุรี กาญจนบุรี
สุพรรณบุรี ราชบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา
ภาคตะวันออก จำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ตราด
ระยอง นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และชลบุรี
1.2 ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 2,000,571 ครัวเรือน 5,947,411 คน
2. พื้นที่การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง
2.1 พื้นที่การเกษตรที่เสียหายแล้ว จำนวน 39 จังหวัด 384 อำเภอ 27 กิ่งอำเภอ
2,399 ตำบล 22,238 หมู่บ้าน มีพื้นที่การเกษตรเสียหาย รวมทั้งสิ้น จำนวน 6,465,254 ไร่ ดังนี้
(1) นาข้าว จำนวน 5,922,419 ไร่
(2) พืชไร่ จำนวน 432,523 ไร่
(3) พืชสวน จำนวน 110,312 ไร่
มูลค่าความเสียหายประมาณ 2,564,718,213 บาท
2.2 พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย จำนวน 30 จังหวัด 299 อำเภอ 21
กิ่งอำเภอ 1,759 ตำบล 16,178 หมู่บ้าน มีพื้นที่คาดว่าจะเสียหาย รวมทั้งสิ้น จำนวน 10,944,283
ไร่ ดังนี้
(1) นาข้าว จำนวน 7,096,338 ไร่
(2) พืชไร่ จำนวน 846,840 ไร่
(3) พืชสวน จำนวน 3,001,105 ไร่
3. การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/กิ่งอำเภอ การช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะได้
รับความเสียหาย จังหวัดและอำเภอ ได้บูรณาการเครื่องมือ อุปกรณ์ ได้แก่ เครื่องสูบน้ำ ท่อส่งน้ำ รถ
บรรทุกน้ำ ของทุกหน่วยงานรวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน เข้าช่วยเหลือ โดยเฉพาะพื้นที่
นาข้าวที่ตั้งท้องออกรวง และขาดแคลนน้ำ ซึ่งยังมีปริมาณน้ำในแหล่งน้ำ เช่น ลำน้ำ ลำห้วย สระ หนอง บึง
และแหล่งน้ำอื่น ๆ ในพื้นที่ ตำบล หมู่บ้านที่ประสบความแห้งแล้ง หรือพื้นที่ใกล้เคียงเพียงพอต่อการช่วยเหลือ
โดยได้มีการดำเนินการ ดังนี้
3.1 การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร
(1) ใช้เครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรจากทุกหน่วยงานและของประชาชน
รวม 17,312 เครื่อง
(2) ใช้รถบรรทุกน้ำ 203 คันบรรทุกน้ำให้พื้นที่การเกษตร 7,917 เที่ยว
ปริมาณน้ำ 56,280,500 ลิตร
(3) สร้างทำนบ/ฝายเก็บกักน้ำ 562 แห่ง ขุดลอกแหล่งน้ำ 10 แห่ง
(4) ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่กำลงจะเสียหายได้ประมาณ 4,730,201
ไร่
3.2 การแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค
(1) รถบรรทุกน้ำ จำนวน 162 คัน 3,142 เที่ยว
(2) ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย จำนวน 25,060,060 ลิตร
3.3 งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว 31,469,222 บาท โดยใช้จ่ายจาก
(1) เงินทดรองราชการ (งบ 50 ล้านของจังหวัด) เป็นเงิน
20,481,006 บาท
(2) งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นเงิน 8,769,445
บาท
(3) งบประมาณอื่นๆ เป็นเงิน 2,218,771 บาท
4. การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
มหาดไทย (โภคิน พลกุล) ได้สั่งการตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ มท 0617/ว 3683 ลงวันที่ 3
พฤศจิกายน 2547 แจ้งไปยังจังหวัดที่ประสบความแห้งแล้งเพื่อให้สามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่คาดว่า
จะได้รับความเสียหายในขณะนี้ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้นประมาณเกือบ 10 ล้านไร่ มิให้เกิดความเสียหาย จึงให้
จังหวัดดำเนินการเป็นการเร่งด่วน ดังนี้
4.1 ให้ประกาศพื้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติความแห้งแล้งตาม
ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 โดยทันที
4.2 ให้สำรวจแหล่งน้ำ ลำน้ำ ลำห้วย สระ หนอง บึง และแหล่งอื่น ๆ ในพื้นที่ ตำบล
หมู่บ้าน ที่ประสบภัยแล้งหรือในพื้นที่ใกล้เคียง ว่ายังมีน้ำเพียงพอสำหรับนำไปช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่คาดว่า
จะได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายหรือไม่
4.3 หากมีปริมาณน้ำคงเหลือเพียงพอสำหรับนำไปช่วยเหลือในพื้นที่การเกษตรที่คาดว่า
จะได้รับความเสียหาย ให้จังหวัดระดมสรรพกำลัง และบูรณาการ เครื่องมือ อุปกรณ์ ได้แก่ เครื่องสูบน้ำ ท่อ
ส่งน้ำ รถยนต์ บรรทุกน้ำของหน่วยงานรวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนขอความร่วมมือภาคเอกชน
ส่งเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อกู้สถานการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่นาข้าวที่ตั้งท้อง ออกรวง และขาดแคลนน้ำ ซึ่งจะ
เสียหาย ในขณะนี้ โดยด่วนที่สุด
4.4 งบประมาณการแก้ไขปัญหาในกรณีดังกล่าวให้ใช้จ่ายจาก
(1) เงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด (งบ 50 ล้าน
บาท) ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
พ.ศ. 2546
(2) งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตั้งงบฉุกเฉินสำรองจ่ายไว้
แล้ว ซึ่งหากไม่เพียงพอ ให้สามารถโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายอื่นมาตั้งจ่ายเพื่อการดังกล่าวได้ หรือ
จ่ายขาดจากเงินสะสมตาม แนวทาง ที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด
(3) งบบริหารจังหวัดแบบบูรณาการ ( CEO)
4.5 ให้จังหวัดรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าว ว่ามีความสำเร็จหรือไม่อย่างไร
รายงานศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ (สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน) ให้ทราบเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
4.6 ทั้งนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่สุดในการช่วยเหลือและแก้ไข
ปัญหาความแห้งแล้งที่เกิดขึ้น ที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 9 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์ความแห้งแล้งและการให้ความช่วยเหลือที่ได้ดำเนิน
การแล้ว ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 8 พฤศจิกายน 2547 สรุปได้ดังนี้
1. สถานการณ์ความแห้งแล้ง
1.1 จังหวัดที่ประสบภัย จำนวน 39 จังหวัด 384 อำเภอ 27 กิ่งอำเภอ 2,399
ตำบล 22,238 หมู่บ้าน แยกได้ ดังนี้
ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ นครสวรรค์ แพร่
พิษณุโลก ลำปาง พะเยา และสุโขทัย เพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา
บุรีรัมย์ สกลนคร ยโสธร ร้อยเอ็ด อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ หนองคาย มหาสารคาม สุรินทร์
มุกดาหาร ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ
ภาคกลาง จำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยนาท ลพบุรี กาญจนบุรี
สุพรรณบุรี ราชบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา
ภาคตะวันออก จำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ตราด
ระยอง นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และชลบุรี
1.2 ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 2,000,571 ครัวเรือน 5,947,411 คน
2. พื้นที่การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง
2.1 พื้นที่การเกษตรที่เสียหายแล้ว จำนวน 39 จังหวัด 384 อำเภอ 27 กิ่งอำเภอ
2,399 ตำบล 22,238 หมู่บ้าน มีพื้นที่การเกษตรเสียหาย รวมทั้งสิ้น จำนวน 6,465,254 ไร่ ดังนี้
(1) นาข้าว จำนวน 5,922,419 ไร่
(2) พืชไร่ จำนวน 432,523 ไร่
(3) พืชสวน จำนวน 110,312 ไร่
มูลค่าความเสียหายประมาณ 2,564,718,213 บาท
2.2 พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย จำนวน 30 จังหวัด 299 อำเภอ 21
กิ่งอำเภอ 1,759 ตำบล 16,178 หมู่บ้าน มีพื้นที่คาดว่าจะเสียหาย รวมทั้งสิ้น จำนวน 10,944,283
ไร่ ดังนี้
(1) นาข้าว จำนวน 7,096,338 ไร่
(2) พืชไร่ จำนวน 846,840 ไร่
(3) พืชสวน จำนวน 3,001,105 ไร่
3. การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/กิ่งอำเภอ การช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะได้
รับความเสียหาย จังหวัดและอำเภอ ได้บูรณาการเครื่องมือ อุปกรณ์ ได้แก่ เครื่องสูบน้ำ ท่อส่งน้ำ รถ
บรรทุกน้ำ ของทุกหน่วยงานรวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน เข้าช่วยเหลือ โดยเฉพาะพื้นที่
นาข้าวที่ตั้งท้องออกรวง และขาดแคลนน้ำ ซึ่งยังมีปริมาณน้ำในแหล่งน้ำ เช่น ลำน้ำ ลำห้วย สระ หนอง บึง
และแหล่งน้ำอื่น ๆ ในพื้นที่ ตำบล หมู่บ้านที่ประสบความแห้งแล้ง หรือพื้นที่ใกล้เคียงเพียงพอต่อการช่วยเหลือ
โดยได้มีการดำเนินการ ดังนี้
3.1 การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร
(1) ใช้เครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรจากทุกหน่วยงานและของประชาชน
รวม 17,312 เครื่อง
(2) ใช้รถบรรทุกน้ำ 203 คันบรรทุกน้ำให้พื้นที่การเกษตร 7,917 เที่ยว
ปริมาณน้ำ 56,280,500 ลิตร
(3) สร้างทำนบ/ฝายเก็บกักน้ำ 562 แห่ง ขุดลอกแหล่งน้ำ 10 แห่ง
(4) ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่กำลงจะเสียหายได้ประมาณ 4,730,201
ไร่
3.2 การแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภค
(1) รถบรรทุกน้ำ จำนวน 162 คัน 3,142 เที่ยว
(2) ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย จำนวน 25,060,060 ลิตร
3.3 งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว 31,469,222 บาท โดยใช้จ่ายจาก
(1) เงินทดรองราชการ (งบ 50 ล้านของจังหวัด) เป็นเงิน
20,481,006 บาท
(2) งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นเงิน 8,769,445
บาท
(3) งบประมาณอื่นๆ เป็นเงิน 2,218,771 บาท
4. การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
มหาดไทย (โภคิน พลกุล) ได้สั่งการตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ มท 0617/ว 3683 ลงวันที่ 3
พฤศจิกายน 2547 แจ้งไปยังจังหวัดที่ประสบความแห้งแล้งเพื่อให้สามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่คาดว่า
จะได้รับความเสียหายในขณะนี้ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้นประมาณเกือบ 10 ล้านไร่ มิให้เกิดความเสียหาย จึงให้
จังหวัดดำเนินการเป็นการเร่งด่วน ดังนี้
4.1 ให้ประกาศพื้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติความแห้งแล้งตาม
ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 โดยทันที
4.2 ให้สำรวจแหล่งน้ำ ลำน้ำ ลำห้วย สระ หนอง บึง และแหล่งอื่น ๆ ในพื้นที่ ตำบล
หมู่บ้าน ที่ประสบภัยแล้งหรือในพื้นที่ใกล้เคียง ว่ายังมีน้ำเพียงพอสำหรับนำไปช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่คาดว่า
จะได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายหรือไม่
4.3 หากมีปริมาณน้ำคงเหลือเพียงพอสำหรับนำไปช่วยเหลือในพื้นที่การเกษตรที่คาดว่า
จะได้รับความเสียหาย ให้จังหวัดระดมสรรพกำลัง และบูรณาการ เครื่องมือ อุปกรณ์ ได้แก่ เครื่องสูบน้ำ ท่อ
ส่งน้ำ รถยนต์ บรรทุกน้ำของหน่วยงานรวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนขอความร่วมมือภาคเอกชน
ส่งเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อกู้สถานการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่นาข้าวที่ตั้งท้อง ออกรวง และขาดแคลนน้ำ ซึ่งจะ
เสียหาย ในขณะนี้ โดยด่วนที่สุด
4.4 งบประมาณการแก้ไขปัญหาในกรณีดังกล่าวให้ใช้จ่ายจาก
(1) เงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด (งบ 50 ล้าน
บาท) ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
พ.ศ. 2546
(2) งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตั้งงบฉุกเฉินสำรองจ่ายไว้
แล้ว ซึ่งหากไม่เพียงพอ ให้สามารถโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายอื่นมาตั้งจ่ายเพื่อการดังกล่าวได้ หรือ
จ่ายขาดจากเงินสะสมตาม แนวทาง ที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด
(3) งบบริหารจังหวัดแบบบูรณาการ ( CEO)
4.5 ให้จังหวัดรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าว ว่ามีความสำเร็จหรือไม่อย่างไร
รายงานศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ (สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน) ให้ทราบเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
4.6 ทั้งนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่สุดในการช่วยเหลือและแก้ไข
ปัญหาความแห้งแล้งที่เกิดขึ้น ที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 9 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-