เรื่อง การขออนุมัติงบกลางเพื่อใช้ในการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ว่า
ด้วยการพัฒนากฎหมาย คณะอนุกรรมการ 8 คณะ และผู้รับผิดชอบรายงานและยกร่าง
กฎหมาย (Rapporteur) เพื่อแยกกฎหมายพาณิชย์ออกจากกฎหมายแพ่ง
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการขออนุมัติงบกลางเพื่อใช้ในการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย คณะอนุกรรมการ 8 คณะ และผู้รับผิดชอบรายงานและยกร่างกฎหมาย (Rapporteur) เพื่อแยกกฎหมายพาณิชย์ออกจากกฎหมายแพ่ง ตามที่คณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมายเสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. อนุมัติงบกลางเพื่อใช้ในการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย คณะอนุกรรมการรวม 8 คณะ และผู้รับผิดชอบรายงานและยกร่างกฎหมาย (Rapporteur) เพื่อแยกกฎหมายพาณิชย์ออกจากกฎหมายแพ่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 132,623,900 บาท
2. อนุมัติให้นำระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าด้วยการให้ค่าตอบแทนและเงินอุดหนุนแก่การวิจัยเพื่อการพัฒนากฎหมาย พ.ศ. 2535 และระเบียบคณะกรรมการพัฒนากฎหมายว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการให้ค่าตอบแทนและเงินอุดหนุนแก่การวิจัยเพื่อการพัฒนากฎหมาย พ.ศ. 2535 รวม 2 ฉบับ มาใช้ในการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ฯ คณะอนุกรรมการ รวม 8 คณะ และผู้รับผิดชอบรายงานและยกร่างกฎหมายเพื่อแยกกฎหมายพาณิชย์ออกจากกฎหมายแพ่ง (Rapporteur) โดยอนุโลม
3. อนุมัติงบกลางเพื่อให้ฝ่ายเลขานุการประสานกับกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ให้ดำเนินการยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่ล้าสมัย เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และเป็นค่าจ้างพนักงานราชการเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ จำนวน 10 คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 17,376,100 บาท
ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทำความตกลงกับสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางในการขอเบิกจ่ายงบกลางต่อไป
คณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย รายงานว่า
1. นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาเห็นว่า โดยที่ปัจจุบันยังมีกฎหมายและกฎระเบียบที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศและสร้างความไม่เป็นธรรมในสังคม จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย ขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะการยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบดังกล่าวให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือสถานการณ์ในปัจจุบัน
2. เพื่อให้การปฏิบัติงานของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมายจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ รวม 8 คณะ พร้อมทั้งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบจัดทำรายงานและยกร่างกฎหมาย (Rapporteur) เพื่อแยกกฎหมายพาณิชย์ออกจากกฎหมายแพ่ง
3. ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2547 ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาเห็นว่าในการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ฯ คณะอนุกรรมการ รวม 8 คณะ และผู้รับผิดชอบรายงานและยกร่างกฎหมาย (Rapporteur) จำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จึงมีมติอนุมัติงบประมาณ จำนวนรวมทั้งสิ้น 132,623,900 บาท เพื่อใช้ในการดำเนินงานในเรื่องนี้ และในกรณีที่คณะอนุกรรมการคณะใดสามารถดำเนินงานได้แล้วเสร็จก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ 1 เดือน หรือ 2 เดือน หรือ 3 เดือน ก็อนุมัติให้งบประมาณเพิ่มอีก 5% หรือ 7% หรือ 9% ตามลำดับ รวมทั้งให้นำระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าด้วยการให้ค่าตอบแทนและเงินอุดหนุนแก่การวิจัยเพื่อการพัฒนากฎหมาย พ.ศ. 2535 และระเบียบคณะกรรมการพัฒนากฎหมายว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการให้ค่าตอบแทนและเงินอุดหนุนแก่การวิจัยเพื่อการพัฒนากฎหมาย พ.ศ. 2535 รวม 2 ฉบับ มาใช้กับการดำเนินงานในเรื่องนี้โดยอนุโลม
4. ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาเห็นว่า ในการประสานและเร่งรัดกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานในเรื่องนี้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งจำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน สมควรขออนุมัติงบกลาง จำนวน 17,376,100 บาท จึงขอเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 ธันวาคม 2547--จบ--
ด้วยการพัฒนากฎหมาย คณะอนุกรรมการ 8 คณะ และผู้รับผิดชอบรายงานและยกร่าง
กฎหมาย (Rapporteur) เพื่อแยกกฎหมายพาณิชย์ออกจากกฎหมายแพ่ง
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการขออนุมัติงบกลางเพื่อใช้ในการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย คณะอนุกรรมการ 8 คณะ และผู้รับผิดชอบรายงานและยกร่างกฎหมาย (Rapporteur) เพื่อแยกกฎหมายพาณิชย์ออกจากกฎหมายแพ่ง ตามที่คณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมายเสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. อนุมัติงบกลางเพื่อใช้ในการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย คณะอนุกรรมการรวม 8 คณะ และผู้รับผิดชอบรายงานและยกร่างกฎหมาย (Rapporteur) เพื่อแยกกฎหมายพาณิชย์ออกจากกฎหมายแพ่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 132,623,900 บาท
2. อนุมัติให้นำระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าด้วยการให้ค่าตอบแทนและเงินอุดหนุนแก่การวิจัยเพื่อการพัฒนากฎหมาย พ.ศ. 2535 และระเบียบคณะกรรมการพัฒนากฎหมายว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการให้ค่าตอบแทนและเงินอุดหนุนแก่การวิจัยเพื่อการพัฒนากฎหมาย พ.ศ. 2535 รวม 2 ฉบับ มาใช้ในการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ฯ คณะอนุกรรมการ รวม 8 คณะ และผู้รับผิดชอบรายงานและยกร่างกฎหมายเพื่อแยกกฎหมายพาณิชย์ออกจากกฎหมายแพ่ง (Rapporteur) โดยอนุโลม
3. อนุมัติงบกลางเพื่อให้ฝ่ายเลขานุการประสานกับกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ให้ดำเนินการยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่ล้าสมัย เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และเป็นค่าจ้างพนักงานราชการเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ จำนวน 10 คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 17,376,100 บาท
ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทำความตกลงกับสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางในการขอเบิกจ่ายงบกลางต่อไป
คณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย รายงานว่า
1. นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาเห็นว่า โดยที่ปัจจุบันยังมีกฎหมายและกฎระเบียบที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศและสร้างความไม่เป็นธรรมในสังคม จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย ขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะการยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบดังกล่าวให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือสถานการณ์ในปัจจุบัน
2. เพื่อให้การปฏิบัติงานของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมายจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ รวม 8 คณะ พร้อมทั้งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบจัดทำรายงานและยกร่างกฎหมาย (Rapporteur) เพื่อแยกกฎหมายพาณิชย์ออกจากกฎหมายแพ่ง
3. ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2547 ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาเห็นว่าในการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ ฯ คณะอนุกรรมการ รวม 8 คณะ และผู้รับผิดชอบรายงานและยกร่างกฎหมาย (Rapporteur) จำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จึงมีมติอนุมัติงบประมาณ จำนวนรวมทั้งสิ้น 132,623,900 บาท เพื่อใช้ในการดำเนินงานในเรื่องนี้ และในกรณีที่คณะอนุกรรมการคณะใดสามารถดำเนินงานได้แล้วเสร็จก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ 1 เดือน หรือ 2 เดือน หรือ 3 เดือน ก็อนุมัติให้งบประมาณเพิ่มอีก 5% หรือ 7% หรือ 9% ตามลำดับ รวมทั้งให้นำระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าด้วยการให้ค่าตอบแทนและเงินอุดหนุนแก่การวิจัยเพื่อการพัฒนากฎหมาย พ.ศ. 2535 และระเบียบคณะกรรมการพัฒนากฎหมายว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการให้ค่าตอบแทนและเงินอุดหนุนแก่การวิจัยเพื่อการพัฒนากฎหมาย พ.ศ. 2535 รวม 2 ฉบับ มาใช้กับการดำเนินงานในเรื่องนี้โดยอนุโลม
4. ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาเห็นว่า ในการประสานและเร่งรัดกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานในเรื่องนี้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งจำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน สมควรขออนุมัติงบกลาง จำนวน 17,376,100 บาท จึงขอเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 28 ธันวาคม 2547--จบ--