ทำเนียบรัฐบาล--13 ธ.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการให้เปิดการเจรจากับทางการลาว เพื่อขอแก้ไขความตกลงว่า ด้วยการส่งสินค้าผ่านแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พ.ศ. 2521 ในมาตรา 6 วรรค 2 และมาตรการอื่น ๆ ให้มีลักษณะถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ โดยที่ในช่วงระหว่าง พ. ศ. 2517-2533 ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์ภายในของลาวยังไม่เรียบร้อยและความสัมพันธ์ไทย-ลาวไม่ ราบรื่น มีสินค้าของลาวที่ส่งผ่านไทยไปลาวตกค้างที่ท่าเรือกรุงเทพฯ กว่า 100 รายการ โดยส่วนใหญ่ เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตส่งออกด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคง เนื่องจากเป็นยุทธปัจจัย และส่วนหนึ่ง เป็นสินค้าที่ไม่มีผู้รับ และจากความตกลงว่าด้วยการส่งสินค้าผ่านแดนระหว่างไทยกับลาว พ.ศ. 2521 มาตรา6 วรรค 2 กำหนดเรื่องสินค้าผ่านแดนตกค้างไว้เพียงว่า "ในกรณีที่สินค้าผ่านแดนของลาวตก ค้างอยู่ในประเทศไทยเกินกำหนด 150 วัน นับแต่วันนำเข้า ฝ่ายไทยจะแจ้งให้ฝ่ายลาวทราบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อร่วมกันปรึกษาหารือแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วภายใน 30 วัน" โดยไม่ได้ระบุว่าจะให้มีการดำเนิน การอย่างไรในกรณีที่เจ้าของสินค้าไม่รับสินค้าภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งต่อมาการท่าเรือแห่งประ เทศไทยได้ชำระค่าภาระฝากเก็บสินค้าผ่านแดนตกค้างดังกล่าวในวงเงิน 52 ล้านบาท แทนฝ่ายลาว เพื่อให้ทางการลาวนำสินค้าดังกล่าวออกไปจากท่าเรือ อันจะทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้พื้นที่ที่ ใช้เก็บสินค้าตกค้างดังกล่าวมาใช้ประโยชน์โดยเร็วที่สุด ซึ่งต่อมาสถานเอกอัครราชทูตลาวประจำประ เทศไทยได้ดำเนินการส่งสินค้าตกค้างดังกล่าวไปยังลาวแล้ว
ที่ประชุมส่วนราชการมีความเห็นว่า ความตกลงฯ ที่ใช้อยู่อาจไม่เหมาะสมกับภาวะปัจจุบันที่ มีแนวโน้มว่า จะมีการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น โดย เฉพาะการขนส่งสินค้าจากไทยผ่านลาวไปจีนหรือเวียดนาม แต่ความตกลงที่ไทยทำไว้กับลาวในปัจจุบันมุ่ง ให้ประโยชน์และอำนวยความสะดวกแก่สินค้าผ่านแดนของลาวแต่ฝ่ายเดียว จึงเห็นควรแก้ไขความตกลง ให้มีลักษณะต่างตอบแทนกันโดยเฉพาะในกรณีที่จะมีการขนส่งสินค้าของไทยผ่านลาวไปจีนหรือเวียดนาม ด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 12 ธันวาคม 2538--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการให้เปิดการเจรจากับทางการลาว เพื่อขอแก้ไขความตกลงว่า ด้วยการส่งสินค้าผ่านแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พ.ศ. 2521 ในมาตรา 6 วรรค 2 และมาตรการอื่น ๆ ให้มีลักษณะถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ โดยที่ในช่วงระหว่าง พ. ศ. 2517-2533 ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์ภายในของลาวยังไม่เรียบร้อยและความสัมพันธ์ไทย-ลาวไม่ ราบรื่น มีสินค้าของลาวที่ส่งผ่านไทยไปลาวตกค้างที่ท่าเรือกรุงเทพฯ กว่า 100 รายการ โดยส่วนใหญ่ เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตส่งออกด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคง เนื่องจากเป็นยุทธปัจจัย และส่วนหนึ่ง เป็นสินค้าที่ไม่มีผู้รับ และจากความตกลงว่าด้วยการส่งสินค้าผ่านแดนระหว่างไทยกับลาว พ.ศ. 2521 มาตรา6 วรรค 2 กำหนดเรื่องสินค้าผ่านแดนตกค้างไว้เพียงว่า "ในกรณีที่สินค้าผ่านแดนของลาวตก ค้างอยู่ในประเทศไทยเกินกำหนด 150 วัน นับแต่วันนำเข้า ฝ่ายไทยจะแจ้งให้ฝ่ายลาวทราบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อร่วมกันปรึกษาหารือแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วภายใน 30 วัน" โดยไม่ได้ระบุว่าจะให้มีการดำเนิน การอย่างไรในกรณีที่เจ้าของสินค้าไม่รับสินค้าภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งต่อมาการท่าเรือแห่งประ เทศไทยได้ชำระค่าภาระฝากเก็บสินค้าผ่านแดนตกค้างดังกล่าวในวงเงิน 52 ล้านบาท แทนฝ่ายลาว เพื่อให้ทางการลาวนำสินค้าดังกล่าวออกไปจากท่าเรือ อันจะทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้พื้นที่ที่ ใช้เก็บสินค้าตกค้างดังกล่าวมาใช้ประโยชน์โดยเร็วที่สุด ซึ่งต่อมาสถานเอกอัครราชทูตลาวประจำประ เทศไทยได้ดำเนินการส่งสินค้าตกค้างดังกล่าวไปยังลาวแล้ว
ที่ประชุมส่วนราชการมีความเห็นว่า ความตกลงฯ ที่ใช้อยู่อาจไม่เหมาะสมกับภาวะปัจจุบันที่ มีแนวโน้มว่า จะมีการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น โดย เฉพาะการขนส่งสินค้าจากไทยผ่านลาวไปจีนหรือเวียดนาม แต่ความตกลงที่ไทยทำไว้กับลาวในปัจจุบันมุ่ง ให้ประโยชน์และอำนวยความสะดวกแก่สินค้าผ่านแดนของลาวแต่ฝ่ายเดียว จึงเห็นควรแก้ไขความตกลง ให้มีลักษณะต่างตอบแทนกันโดยเฉพาะในกรณีที่จะมีการขนส่งสินค้าของไทยผ่านลาวไปจีนหรือเวียดนาม ด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 12 ธันวาคม 2538--