แท็ก
คณะรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล--18 มี.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภารายงานการพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง มาตรการและแนวทางในการบริหารเสถียรภาพทางการเงินและการคลัง ซึ่งคณะกรรมาธิการการคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงินพิจารณาเสร็จแล้ว และลงมติเห็นด้วยกับรายงานพร้อมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ควรชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำลง เพื่อลดความกดดันทางด้านเงินเฟ้อ และลดการใช้ทรัพยากรที่ขาดแคลนภายในประเทศและการกู้ยืมเงินเป็นจำนวนสูงจากต่างประเทศ
2. รัฐบาลควรใช้นโยบายที่จะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทยด้วยการดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างทางการผลิต เนื่องจากความได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงานของไทยเริ่มถดถอยลง แต่การจะก้าวขึ้นไปสู่ประเทศที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตในระดับสูงขึ้นนั้นจำเป็นต้องมีความพร้อมทางด้านทรัพยากรบุคคล สาธารณูปโภคพื้นฐาน ต้นทุนด้านปัจจัยการผลิตที่แข่งขันกับต่างประเทศได้ การวางแผนด้านนโยบายเศรษฐกิจและการค้าอย่างเป็นระบบ
3. รัฐบาลควรส่งเสริมการออมในประเทศอย่างจริงจังด้วยการใช้มาตรการการออมภาคบังคับ สร้างแรงจูงใจในการออมแบบผูกพันระยะยาว สร้างเครื่องมือทางการออมใหม่ ๆ ในตลาดเงินและตลาดทุน ซึ่งแนวทางต่าง ๆ นี้ทางการควรให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วนและดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรม เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นมาตรการที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะสัมฤทธิ์ผล
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มอบให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 18 มีนาคม 2540--
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภารายงานการพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง มาตรการและแนวทางในการบริหารเสถียรภาพทางการเงินและการคลัง ซึ่งคณะกรรมาธิการการคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงินพิจารณาเสร็จแล้ว และลงมติเห็นด้วยกับรายงานพร้อมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ควรชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำลง เพื่อลดความกดดันทางด้านเงินเฟ้อ และลดการใช้ทรัพยากรที่ขาดแคลนภายในประเทศและการกู้ยืมเงินเป็นจำนวนสูงจากต่างประเทศ
2. รัฐบาลควรใช้นโยบายที่จะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทยด้วยการดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างทางการผลิต เนื่องจากความได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงานของไทยเริ่มถดถอยลง แต่การจะก้าวขึ้นไปสู่ประเทศที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตในระดับสูงขึ้นนั้นจำเป็นต้องมีความพร้อมทางด้านทรัพยากรบุคคล สาธารณูปโภคพื้นฐาน ต้นทุนด้านปัจจัยการผลิตที่แข่งขันกับต่างประเทศได้ การวางแผนด้านนโยบายเศรษฐกิจและการค้าอย่างเป็นระบบ
3. รัฐบาลควรส่งเสริมการออมในประเทศอย่างจริงจังด้วยการใช้มาตรการการออมภาคบังคับ สร้างแรงจูงใจในการออมแบบผูกพันระยะยาว สร้างเครื่องมือทางการออมใหม่ ๆ ในตลาดเงินและตลาดทุน ซึ่งแนวทางต่าง ๆ นี้ทางการควรให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วนและดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรม เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นมาตรการที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะสัมฤทธิ์ผล
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มอบให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 18 มีนาคม 2540--