ทำเนียบรัฐบาล--6 ต.ค.--บิสนิวส์
1. ให้เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน โดยเร่งรัดการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงานให้มีประสิทธิภาพ และมีผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ดังนี้
1.1 เร่งดำเนินการอนุรักษ์พลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม และส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคาร ของรัฐ
1.2 ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์พลังงานในโรงงานและอาคารทั่วไปที่ไม่ได้เป็นโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมซึ่งเป็นโรงงานและอาคารขนาดกลางและขนาดเล็ก
1.3 ส่งเสริมให้มีการใช้วัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูง ตลอดจนส่งเสริมระบบตลาดให้สามารถเข้ามารองรับการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.4 เร่งรัดให้มีการกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุที่ใช้ไฟฟ้า และ กำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานขั้นต่ำ รวมทั้งการติดฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และส่งเสริมให้มีการจัดตั้งศูนย์ทดสอบประสิทธิภาพพลังงานที่มีมาตรฐาน
1.5 เร่งดำเนินการอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง
2. ให้มีการเลือกใช้พลังงาน ดังนี้
2.1 ส่งเสริมการใช้นำมันเบนซินให้ถูกประเภทสอดคล้องกับความต้องการของเครื่องยนต์
2.2 ลดการใช้น้ำมันเตาและดีเซลในการผลิตไฟฟ้า
2.3 ส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น
2.4 ในระยะยาวให้มีการกระจายแหล่งและชนิดของเชื้อเพลิง เพื่อความมั่นคงในการจัดหาเชื้อเพลิงของประเทศ
3. กำหนดแนวทางในการตรึงราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว เพื่อให้มีผลกระทบต่อผู้บริโภคน้อยที่สุด โดย
3.1 ใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจ่ายชดเชยเพื่อตรึงราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว
3.2 ปรับหลักเกณฑ์ในการกำหนดราคา ณ โรงกลั่น/ราคานำเข้าลดลงจากระดับปัจจุบัน (ซึ่งเท่ากับราคาปิโตรมิน+0$) หากราคาก๊าซฯ ยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกจนถึงระดับที่กองทุนฯ ไม่สามารถรับการชดเชยต่อไปได้
3.3 หลังจากดำเนินการตามข้อ 3.1-3.2 แล้ว หากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังไม่สามารถรับภาระการชดเชยราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวได้ ให้ดำเนินการปรับเพิ่มราคาขายส่งและราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว
4. เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า ให้ กฟผ. สามารถใช้น้ำมันเตากำมะถันไม่เกิน 1.0% และค่าแอสฟัลทีนระดับปกติมาใช้ในโรงไฟฟ้าพระนครเหนือได้
5. เร่งรัดการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
5.1 เพิ่มความเข้มในการตรวจการณ์ทางทะเล
5.2 ตรวจสอบแพปลา และสถานีบริการชายฝั่ง
5.3 ตรวจสอบอู่ต่อเรือ เพื่อป้องกันปราบปรามมิให้ทำการต่อเรือประมงดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกน้ำมัน
5.4 เฝ้าติดตามโรงกลั่น ผู้ผลิตสารละลายไฮโดรคาร์บอน (โซลเว้นท์) ตัวแทนนายหน้า (Jobber) และผู้ใช้สารสะลายโซลเว้นท์ปลายทาง มิให้นำสารโซลเว้นท์ออกนอกระบบไปปลอมปนกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำหน่ายในสถานีบริการ
5.5 ตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงริมน้ำ และท่าเทียบเรือบริเวณปากอ่าวไทย ลำน้ำเจ้าพระยา และลำน้ำท่าจีน เพื่อปัองกันปราบปรามมิให้นำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยกเว้นภาษีออกมาขายในสถานีบริการ
6. ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคคมนาคมขนส่งมากขึ้น โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
6.1 มอบหมายให้ ปตท. เร่งรัดการดำเนินการตามแผนการขยายการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในภาคขนส่งตามที่ได้กำหนดไว้แล้ว
6.2 มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ให้การสนับสนุนในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการส่งเสริมการขยายการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในภาคขนส่งบรรลุผลสำเร็จ
7. ให้มีการเจรจาปรับลดราคา ณ โรงกลั่น ดังนี้
7.1 มอบหมายให้ ปตท. รับไปเจรจากับโรงกลั่นน้ำมันเพื่อปรับลดราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้ราคาน้ำมันที่โรงกลั่นจำหน่ายในประเทศลดลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับราคาส่งออก (Export Parity) ทั้งนี้เนื่องจาก ในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา กำลังการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปของประเทศมีมากเกินปริมาณความต้องการทำให้มีน้ำมันเหลือต้องส่งออก ซึ่งราคาส่งออกส่วนใหญ่จะต่ำกว่าราคาที่ขายภายในประเทศ
7.2 มอบหมายให้ ปตท. รับไปเจรจากับโรงกลั่นน้ำมันเพื่อลดราคาน้ำมันเตาที่จำหน่ายให้ กฟผ. เพื่อให้ราคาน้ำมันเตาอยู่ในระดับไม่สูงกว่าราคาที่สามารถนำเข้าได้จากสิงคโปร์
8. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับไปดำเนินการตรึงราคาค่าโดยสารสำหรับรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. รถไฟ และรถโดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 5 ตุลาคม 2542--
1. ให้เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน โดยเร่งรัดการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงานให้มีประสิทธิภาพ และมีผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ดังนี้
1.1 เร่งดำเนินการอนุรักษ์พลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม และส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคาร ของรัฐ
1.2 ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์พลังงานในโรงงานและอาคารทั่วไปที่ไม่ได้เป็นโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมซึ่งเป็นโรงงานและอาคารขนาดกลางและขนาดเล็ก
1.3 ส่งเสริมให้มีการใช้วัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูง ตลอดจนส่งเสริมระบบตลาดให้สามารถเข้ามารองรับการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.4 เร่งรัดให้มีการกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุที่ใช้ไฟฟ้า และ กำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานขั้นต่ำ รวมทั้งการติดฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และส่งเสริมให้มีการจัดตั้งศูนย์ทดสอบประสิทธิภาพพลังงานที่มีมาตรฐาน
1.5 เร่งดำเนินการอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง
2. ให้มีการเลือกใช้พลังงาน ดังนี้
2.1 ส่งเสริมการใช้นำมันเบนซินให้ถูกประเภทสอดคล้องกับความต้องการของเครื่องยนต์
2.2 ลดการใช้น้ำมันเตาและดีเซลในการผลิตไฟฟ้า
2.3 ส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น
2.4 ในระยะยาวให้มีการกระจายแหล่งและชนิดของเชื้อเพลิง เพื่อความมั่นคงในการจัดหาเชื้อเพลิงของประเทศ
3. กำหนดแนวทางในการตรึงราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว เพื่อให้มีผลกระทบต่อผู้บริโภคน้อยที่สุด โดย
3.1 ใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจ่ายชดเชยเพื่อตรึงราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว
3.2 ปรับหลักเกณฑ์ในการกำหนดราคา ณ โรงกลั่น/ราคานำเข้าลดลงจากระดับปัจจุบัน (ซึ่งเท่ากับราคาปิโตรมิน+0$) หากราคาก๊าซฯ ยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกจนถึงระดับที่กองทุนฯ ไม่สามารถรับการชดเชยต่อไปได้
3.3 หลังจากดำเนินการตามข้อ 3.1-3.2 แล้ว หากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังไม่สามารถรับภาระการชดเชยราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวได้ ให้ดำเนินการปรับเพิ่มราคาขายส่งและราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว
4. เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า ให้ กฟผ. สามารถใช้น้ำมันเตากำมะถันไม่เกิน 1.0% และค่าแอสฟัลทีนระดับปกติมาใช้ในโรงไฟฟ้าพระนครเหนือได้
5. เร่งรัดการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
5.1 เพิ่มความเข้มในการตรวจการณ์ทางทะเล
5.2 ตรวจสอบแพปลา และสถานีบริการชายฝั่ง
5.3 ตรวจสอบอู่ต่อเรือ เพื่อป้องกันปราบปรามมิให้ทำการต่อเรือประมงดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกน้ำมัน
5.4 เฝ้าติดตามโรงกลั่น ผู้ผลิตสารละลายไฮโดรคาร์บอน (โซลเว้นท์) ตัวแทนนายหน้า (Jobber) และผู้ใช้สารสะลายโซลเว้นท์ปลายทาง มิให้นำสารโซลเว้นท์ออกนอกระบบไปปลอมปนกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำหน่ายในสถานีบริการ
5.5 ตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงริมน้ำ และท่าเทียบเรือบริเวณปากอ่าวไทย ลำน้ำเจ้าพระยา และลำน้ำท่าจีน เพื่อปัองกันปราบปรามมิให้นำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยกเว้นภาษีออกมาขายในสถานีบริการ
6. ส่งเสริมให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคคมนาคมขนส่งมากขึ้น โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
6.1 มอบหมายให้ ปตท. เร่งรัดการดำเนินการตามแผนการขยายการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในภาคขนส่งตามที่ได้กำหนดไว้แล้ว
6.2 มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ให้การสนับสนุนในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการส่งเสริมการขยายการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในภาคขนส่งบรรลุผลสำเร็จ
7. ให้มีการเจรจาปรับลดราคา ณ โรงกลั่น ดังนี้
7.1 มอบหมายให้ ปตท. รับไปเจรจากับโรงกลั่นน้ำมันเพื่อปรับลดราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้ราคาน้ำมันที่โรงกลั่นจำหน่ายในประเทศลดลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับราคาส่งออก (Export Parity) ทั้งนี้เนื่องจาก ในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา กำลังการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปของประเทศมีมากเกินปริมาณความต้องการทำให้มีน้ำมันเหลือต้องส่งออก ซึ่งราคาส่งออกส่วนใหญ่จะต่ำกว่าราคาที่ขายภายในประเทศ
7.2 มอบหมายให้ ปตท. รับไปเจรจากับโรงกลั่นน้ำมันเพื่อลดราคาน้ำมันเตาที่จำหน่ายให้ กฟผ. เพื่อให้ราคาน้ำมันเตาอยู่ในระดับไม่สูงกว่าราคาที่สามารถนำเข้าได้จากสิงคโปร์
8. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับไปดำเนินการตรึงราคาค่าโดยสารสำหรับรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. รถไฟ และรถโดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 5 ตุลาคม 2542--