แท็ก
คณะรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล--2 ก.พ.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เสนอ ดังนี้
1. ผลการปฏิบัติงานของคณะทำงานตามคำสั่ง กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ที่ 80/2541 ลงวันที่ 14 กันยายน 2541 ดังนี้
1.1 กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานได้ส่งระวางทั้งหมด 115 ระวาง ให้กรมที่ดินดำเนินการทำทับซ้อน เมื่อ 15 กันยายน 2541 ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จส่งคืนให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน จำนวน 105 ระวาง
1.2 กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ซึ่งกรมที่ดินดำเนินการทำทับซ้อนแล้วเสร็จ ส่งให้กรมป่าไม้และกรมพัฒนาที่ดินอ่านแปลตีความภาพถ่ายทางอากาศ จำนวน 105 ระวาง ดำเนินการแล้วเสร็จส่งคืนให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานแล้ว จำนวน 78 ระวาง
1.3 กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานได้จัดส่งระวางที่ดำเนินการแล้วเสร็จให้จังหวัดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป จำนวน 49 ระวาง
2. ผลของการดำเนินการของคณะกรรมการระดับจังหวัด
2.1 จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ตรวจสอบและรับรองการครอบครองและทำประโยชน์ พร้อมติดประกาศคัดค้าน 30 วัน แล้วจำนวน 1 ระวาง รวม 4 ราย 5 แปลง โดยได้ประกาศได้ให้คัดค้านเมื่อวันที่ 23 และ 30 พฤศจิกายน 2541 ขณะนี้ได้พ้นกำหนดคัดค้านแล้วแต่ไม่มีผู้ใดคัดค้านและรอให้จังหวัดร้อยเอ็ดส่งเรื่องดังกล่าวมาให้กระทรวง
2.2 จังหวัดสุรินทร์ อยู่ในระหว่างดำเนินการให้กับราษฎรในขั้นตอนที่ 2 และที่ 3
2.3 จังหวัดศรีสะเกษ เพิ่งได้รับระวางมาจำนวน 6 ระวาง และได้ส่งให้อำเภอมาดำเนินการต่อไปแล้ว ยังไม่ทราบปัญหา
3. เนื่องจากราษฎรแจ้งว่าการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการในระดับอำเภอปฏิบัติแตกต่างกัน เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปในทางเดียวกัน ดังนั้น เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2542 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมได้มีการจัดประชุมสัมมนา แนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ โดยมีนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมมีมติดังนี้
(1) การอ่านแปลระวางภาพถ่ายทางอากาศที่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจัดส่งให้ราษฎรตรวจสอบ แปล ประธานได้ชี้แจงให้ราษฎรให้ความร่วมมือในการตรวจสอบผลการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศและระวางที่ได้ส่งให้คณะอนุกรรมการฯ ซึ่งในขั้นตอนนี้ ฝ่ายราษฎรสามารถตรวจสอบและทักท้วงได้ และหากมีการคัดค้านก็ให้ศาลเป็นผู้พิจารณาต่อไป
(2) ปัญหาการดำเนินการแก้ไขปัญหาไม่เป็นเอกภาพ มีคณะกรรมการหลายคณะ และหลายกลุ่ม แนวทางปฏิบัติของแต่ละกลุ่มก็แตกต่างกัน ประเด็นนี้ที่ประชุมได้มีความเห็นร่วมกันให้แต่ละกลุ่มเสนอรายชื่อตัวแทนกลุ่ม ๆ ละ 2 คน เพื่อเข้าเป็นคณะกรรมการชุดเดียว มีแนวทางการแก้ไขปัญหาในทางเดียวกัน ตัวแทนราษฎรเห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นกลุ่มสมัชชาลุ่มน้ำมูล ยังคงยืนยันแนวทางเดิมและไม่ขอเสนอรายชื่อตัวแทนกลุ่ม ดังนั้น คณะกรรมการฯ ตามมติที่ประชุมในวันนี้ จึงประกอบด้วย ตัวแทนกลุ่มสมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน (1) กลุ่มสมัชชาเกษตรกรภาคอีสาน และกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน โดยมอบให้นายศักดา กาญจนเสน เป็นผู้รวบรวมรายชื่อตัวแทนฝ่ายราษฎร ให้ฝ่ายเลขานุการ (ผอ.สำนักปฏิบัติการและบำรุงรักษา) เพื่อดำเนินการตามมติที่ประชุมต่อไป
(3) กรณีการดำเนินการของกลุ่มสมัชชาลุ่มน้ำมูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้จังหวัดศรีสะเกษ รับคำร้องของราษฎรที่สังกัดกลุ่มสมัชชาลุ่มน้ำมูล เพื่อดำเนินการต่อไป
4. ผลการประชุมสัมมนาปรากฎว่าราษฎรไม่พอใจ ได้รวมตัวกันมาชุมนุม ณ โครงการฝายราษีไศล เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2542 โดยได้ยื่นข้อเรียกร้อง ดังนี้
1) ต้องการให้มีการตั้งกรรมการร่วมระหว่างฝ่ายราชการและราษฎรในการกำหนดขอบเขตของเขื่อนให้ชัดเจนเฉพาะเขตจังหวัดสุรินทร์
2) ต้องการให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้กับคณะอนุกรรมการระดับอำเภอในการสำรวจ ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ของราษฎรที่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ โดยให้ถือว่าการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการระดับอำเภอถือว่าเป็นข้อยุติ ซึ่งจะตรงตามเจตนารมณ์ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่นำเสนอแนวทางการอนุโลมจ่ายค่าชดเชยให้กับราษฎรผู้ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินที่นำเสนอคณะรัฐมนตรีจนมีมติคณะรัฐมนตรี 11 กรกฏาคม 2532
3) ต้องการให้มีการกำหนดอัตราสัดส่วนในคณะกรรมการศูนย์แก้ไขปัญหาทับซ้อนใหม่ โดยให้มีตัวแทนของราษฎรในแต่ละกลุ่มให้มากกว่าเดิม และให้มีการกำหนดอำนาจหน้าที่ของศูนย์แก้ไขปัญหาการทับซ้อนให้ชัดเจน โดยอำนาจหน้าที่จะต้องไม่ไปซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจังหวัดหรือคณะอนุกรรมการระดับอำเภอที่มีอยู่แต่เดิม
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานแก้ไขปัญหา ได้มีบันทึกลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2542 ชี้แจงราษฎรสรุปได้ว่าข้อเรียกร้องของราษฎรทั้ง 3 ข้อ เป็นแนวทางที่ได้ประชุมปรึกษาหารือกันเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2542 และยินดีที่จะไปพบราษฎรเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุม แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นการประชุมเจรจา ตามวิธีการที่เคยปฏิบัติมา ซึ่งมีคณะกรรมการทุกฝ่ายร่วมเจรจาด้วย หากราษฎรตกลงยอมรับข้อเสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542--
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เสนอ ดังนี้
1. ผลการปฏิบัติงานของคณะทำงานตามคำสั่ง กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ที่ 80/2541 ลงวันที่ 14 กันยายน 2541 ดังนี้
1.1 กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานได้ส่งระวางทั้งหมด 115 ระวาง ให้กรมที่ดินดำเนินการทำทับซ้อน เมื่อ 15 กันยายน 2541 ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จส่งคืนให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน จำนวน 105 ระวาง
1.2 กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ซึ่งกรมที่ดินดำเนินการทำทับซ้อนแล้วเสร็จ ส่งให้กรมป่าไม้และกรมพัฒนาที่ดินอ่านแปลตีความภาพถ่ายทางอากาศ จำนวน 105 ระวาง ดำเนินการแล้วเสร็จส่งคืนให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานแล้ว จำนวน 78 ระวาง
1.3 กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานได้จัดส่งระวางที่ดำเนินการแล้วเสร็จให้จังหวัดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป จำนวน 49 ระวาง
2. ผลของการดำเนินการของคณะกรรมการระดับจังหวัด
2.1 จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ตรวจสอบและรับรองการครอบครองและทำประโยชน์ พร้อมติดประกาศคัดค้าน 30 วัน แล้วจำนวน 1 ระวาง รวม 4 ราย 5 แปลง โดยได้ประกาศได้ให้คัดค้านเมื่อวันที่ 23 และ 30 พฤศจิกายน 2541 ขณะนี้ได้พ้นกำหนดคัดค้านแล้วแต่ไม่มีผู้ใดคัดค้านและรอให้จังหวัดร้อยเอ็ดส่งเรื่องดังกล่าวมาให้กระทรวง
2.2 จังหวัดสุรินทร์ อยู่ในระหว่างดำเนินการให้กับราษฎรในขั้นตอนที่ 2 และที่ 3
2.3 จังหวัดศรีสะเกษ เพิ่งได้รับระวางมาจำนวน 6 ระวาง และได้ส่งให้อำเภอมาดำเนินการต่อไปแล้ว ยังไม่ทราบปัญหา
3. เนื่องจากราษฎรแจ้งว่าการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการในระดับอำเภอปฏิบัติแตกต่างกัน เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปในทางเดียวกัน ดังนั้น เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2542 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมได้มีการจัดประชุมสัมมนา แนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ โดยมีนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมมีมติดังนี้
(1) การอ่านแปลระวางภาพถ่ายทางอากาศที่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจัดส่งให้ราษฎรตรวจสอบ แปล ประธานได้ชี้แจงให้ราษฎรให้ความร่วมมือในการตรวจสอบผลการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศและระวางที่ได้ส่งให้คณะอนุกรรมการฯ ซึ่งในขั้นตอนนี้ ฝ่ายราษฎรสามารถตรวจสอบและทักท้วงได้ และหากมีการคัดค้านก็ให้ศาลเป็นผู้พิจารณาต่อไป
(2) ปัญหาการดำเนินการแก้ไขปัญหาไม่เป็นเอกภาพ มีคณะกรรมการหลายคณะ และหลายกลุ่ม แนวทางปฏิบัติของแต่ละกลุ่มก็แตกต่างกัน ประเด็นนี้ที่ประชุมได้มีความเห็นร่วมกันให้แต่ละกลุ่มเสนอรายชื่อตัวแทนกลุ่ม ๆ ละ 2 คน เพื่อเข้าเป็นคณะกรรมการชุดเดียว มีแนวทางการแก้ไขปัญหาในทางเดียวกัน ตัวแทนราษฎรเห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นกลุ่มสมัชชาลุ่มน้ำมูล ยังคงยืนยันแนวทางเดิมและไม่ขอเสนอรายชื่อตัวแทนกลุ่ม ดังนั้น คณะกรรมการฯ ตามมติที่ประชุมในวันนี้ จึงประกอบด้วย ตัวแทนกลุ่มสมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน (1) กลุ่มสมัชชาเกษตรกรภาคอีสาน และกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน โดยมอบให้นายศักดา กาญจนเสน เป็นผู้รวบรวมรายชื่อตัวแทนฝ่ายราษฎร ให้ฝ่ายเลขานุการ (ผอ.สำนักปฏิบัติการและบำรุงรักษา) เพื่อดำเนินการตามมติที่ประชุมต่อไป
(3) กรณีการดำเนินการของกลุ่มสมัชชาลุ่มน้ำมูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้จังหวัดศรีสะเกษ รับคำร้องของราษฎรที่สังกัดกลุ่มสมัชชาลุ่มน้ำมูล เพื่อดำเนินการต่อไป
4. ผลการประชุมสัมมนาปรากฎว่าราษฎรไม่พอใจ ได้รวมตัวกันมาชุมนุม ณ โครงการฝายราษีไศล เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2542 โดยได้ยื่นข้อเรียกร้อง ดังนี้
1) ต้องการให้มีการตั้งกรรมการร่วมระหว่างฝ่ายราชการและราษฎรในการกำหนดขอบเขตของเขื่อนให้ชัดเจนเฉพาะเขตจังหวัดสุรินทร์
2) ต้องการให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้กับคณะอนุกรรมการระดับอำเภอในการสำรวจ ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ของราษฎรที่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ โดยให้ถือว่าการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการระดับอำเภอถือว่าเป็นข้อยุติ ซึ่งจะตรงตามเจตนารมณ์ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่นำเสนอแนวทางการอนุโลมจ่ายค่าชดเชยให้กับราษฎรผู้ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินที่นำเสนอคณะรัฐมนตรีจนมีมติคณะรัฐมนตรี 11 กรกฏาคม 2532
3) ต้องการให้มีการกำหนดอัตราสัดส่วนในคณะกรรมการศูนย์แก้ไขปัญหาทับซ้อนใหม่ โดยให้มีตัวแทนของราษฎรในแต่ละกลุ่มให้มากกว่าเดิม และให้มีการกำหนดอำนาจหน้าที่ของศูนย์แก้ไขปัญหาการทับซ้อนให้ชัดเจน โดยอำนาจหน้าที่จะต้องไม่ไปซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจังหวัดหรือคณะอนุกรรมการระดับอำเภอที่มีอยู่แต่เดิม
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานแก้ไขปัญหา ได้มีบันทึกลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2542 ชี้แจงราษฎรสรุปได้ว่าข้อเรียกร้องของราษฎรทั้ง 3 ข้อ เป็นแนวทางที่ได้ประชุมปรึกษาหารือกันเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2542 และยินดีที่จะไปพบราษฎรเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุม แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นการประชุมเจรจา ตามวิธีการที่เคยปฏิบัติมา ซึ่งมีคณะกรรมการทุกฝ่ายร่วมเจรจาด้วย หากราษฎรตกลงยอมรับข้อเสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542--