ทำเนียบรัฐบาล--14 ก.ย.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจให้ความเห็นชอบตามที่คณะกรรมการปรับโครงสร้างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (กปพ.) เสนอ ผลการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ กปพ. 4/2541 (9 กันยายน 2541) ดังนี้
1. การจัดสรรเงินกู้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม
1.1 คณะกรรมการปรับโครงสร้างฯ มีความเห็นว่า
1) การเสนอโครงการตามแผนปฏิบัติการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม เพื่อขอรับจัดสรรเงินกู้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง 2541 จำเป็นต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจนก่อนการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ ดังนี้
- กำหนดหลักเกณฑ์การสนับสนุน การคัดเลือกโครงการ และการอนุมัติโครงการที่ชัดเจน เช่น การคัดเลือกประเภทอุตสาหกรรมที่จะสนับสนุน ประเภทของการใช้เงินกู้จะใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร อย่างไร และโครงการที่คัดเลือกจะต้องมีความเป็นไปได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการปรับโครงสร้าง
- กำหนดกลไกการดำเนินงานที่ชัดเจนแต่ละขั้นตอนตั้งแต่การกลั่นกรองโครงการ พิจารณารายละเอียดและลำดับความสำคัญโครงการ การอนุมัติเงินกู้ วิธีการใช้เงิน ระบบตรวจสอบการใช้เงินของแต่ละโครงการ ซึ่งจะต้องกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบให้ชัดเจน
- กำหนดแนวทางปฏิบัติ ซึ่งต้องมีขั้นตอนในการเสนอ วิเคราะห์ ประเมิน ดำเนินการ ติดตาม และวัดผลโครงการอย่างเป็นระบบ สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
2) สำหรับโครงการที่มีแผนใช้เงินกู้เพื่อว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ธุรกิจอุตสาหกรรม หรือเพื่อยกระดับเทคโนโลยีการผลิตของอุตสาหกรรมการพัฒนาบุคลากร และอื่น ๆ ซึ่งมีหลักการและเหตุผลชัดเจน ที่นำไปสู่ขบวนการปรับโครงสร้างของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็เห็นควรให้การสนับสนุนให้เร่งรัดดำเนินการโดยด่วนได้ ส่วนเงินที่จะให้โรงงานอุตสาหกรรมกู้ต่อในรูปสินเชื่อผ่านสถาบันการเงิน จำเป็นต้องพิจารณาถึงแนวทางปฏิบัติให้ละเอียดรอบคอบ ส่วนเงินจำเป็นต้องพิจารณา ทั้งนี้ หากรัฐสามารถปรับปรุงกลไกตลาดให้ทำงานได้สำเร็จในระยะเวลาอันใกล้ ภาครัฐก็อาจไม่จำเป็นต้องให้สินเชื่อโดยตรง แต่อย่างไรก็ดีภายใต้ปัญหาสภาพคล่องของสถาบันการเงิน และ NPL ที่อยู่ในระดับสูงขณะนี้ภาครัฐยังจำเป็นต้องเข้าช่วยเหลือด้านสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม
3) โครงการที่มีกำหนดแผนการดำเนินการโดยมีสัดส่วนการใช้เงินเพื่อให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผ่านสถาบันการเงินในอัตราที่สูง จำเป็นต้องมีการกำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์การพิจารณา และขั้นตอนในการจัดสรรเงินให้สินเชื่อที่ชัดเจน ตรวจสอบได้ ตลอดจนมีกลไกการบริหารจัดการที่ชัดเจน เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ กปพ. ก่อนการดำเนินงาน
1.2 ที่ประชุมมีมติ ดังนี้
1) เห็นชอบในหลักการทั้ง 4 แผนงาน คือ แผนงานที่ 1, 3, 4, และ 6 ตามที่เสนอ
2) เห็นชอบในหลักการให้ใช้เงินกู้ปรับโครงสร้าง 122.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อดำเนินโครงการ 24 โครงการ ตามแผนงานในข้อ 1) โดย- โครงการที่มีสัดส่วนเงินลงทุนของโครงการเป็นสินเชื่อ ที่ให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผ่านสถาบันการเงินต่าง ๆ สูง ได้แก่ โครงการที่ 13, 17, 18, 20, 21 เป็นต้น มอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบจัดทำรายละเอียดโครงการ และกฎเกณฑ์การปฏิบัติ (Process) ในการจัดสรรสินเชื่ออย่างชัดเจน โดยนำหลักเกณฑ์และข้อคิดเห็นของที่ประชุมไปประกอบการจัดทำรายละเอียดโครงการดังกล่าว
- สำหรับโครงการที่เหลือที่มีรายละเอียดโครงการชัดเจน สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การปรับโครงสร้างมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กปพ. ประสานงานกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อขอรับการสนับสนุนจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างต่อไป
3) มอบหมายฝ่ายเลขานุการ กปพ. ประสานงานร่วมกับฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ ดำเนินการจัดตั้งกลไก เพื่อพิจารณากลั่นกรองโครงการ กำกับ และตรวจสอบโครงการ และให้รายงานเสนอคณะกรรมการกปพ. พิจารณาต่อไป
2. แนวทางการจัดตั้งกองทุนพัฒนานวัตกรรม
2.1 คณะกรรมการปรับโครงสร้างฯ มีความเห็นว่า
1) กองทุนพัฒนานวัตกรรมเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยบุกเบิกและพัฒนานวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคผลิต โดยการจัดสรรเงินกู้ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ 100 ล้านบาท จะเป็นทุนประเดิมเพื่อให้การเริ่มงาน 6 เดือนแรกดำเนินการไปได้ และหากประสบความสำเร็จควรได้รับการจัดสรรทุนเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นต่อไป
2) การกำหนดภารกิจหน้าที่ของกองทุนฯ ควรให้ชัดเจนแตกต่างจากกองทุนอื่นที่ สวทช. มีอยู่แล้ว โดยจะต้องสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศอย่างแท้จริง ทั้งนี้ การดำเนินงานในระยะแรกอาจเป็นการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก และมีผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศเป็นที่ปรึกษา เพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ก่อน
3) กลไกการบริหารกองทุนควรมีความเป็นอิสระ ทั้งนี้ ผู้บริหารกองทุนจะต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความเป็นกลางและตัดสินใจได้ดี มีทีมงานสนับสนุน และมีฝ่ายเลขานุการที่เข้มแข็ง โดยควรให้ฝ่ายเลขานุการ กปพ. และ สวทช. ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการไปก่อนในช่วงแรกเริ่ม และให้เร่งรัดจัดตั้งสำนักงานเลขานุการกองทุนฯ ในระยะต่อไปโดยเร็ว
2.2 ที่ประชุมเห็นของในข้อเสนอขั้นตอนการจัดตั้งกองทุนพัฒนานวัตกรรม คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ และการจัดตั้งฝ่ายเลขานุการกองทุนฯ และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุกาาร กปพ. ประสานงานกับผู้แทนกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อคณะกรรมการ กปพ. ในการประชุมครั้งต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 14 กันยายน 2541--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจให้ความเห็นชอบตามที่คณะกรรมการปรับโครงสร้างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (กปพ.) เสนอ ผลการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ กปพ. 4/2541 (9 กันยายน 2541) ดังนี้
1. การจัดสรรเงินกู้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม
1.1 คณะกรรมการปรับโครงสร้างฯ มีความเห็นว่า
1) การเสนอโครงการตามแผนปฏิบัติการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม เพื่อขอรับจัดสรรเงินกู้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง 2541 จำเป็นต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจนก่อนการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ ดังนี้
- กำหนดหลักเกณฑ์การสนับสนุน การคัดเลือกโครงการ และการอนุมัติโครงการที่ชัดเจน เช่น การคัดเลือกประเภทอุตสาหกรรมที่จะสนับสนุน ประเภทของการใช้เงินกู้จะใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร อย่างไร และโครงการที่คัดเลือกจะต้องมีความเป็นไปได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการปรับโครงสร้าง
- กำหนดกลไกการดำเนินงานที่ชัดเจนแต่ละขั้นตอนตั้งแต่การกลั่นกรองโครงการ พิจารณารายละเอียดและลำดับความสำคัญโครงการ การอนุมัติเงินกู้ วิธีการใช้เงิน ระบบตรวจสอบการใช้เงินของแต่ละโครงการ ซึ่งจะต้องกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบให้ชัดเจน
- กำหนดแนวทางปฏิบัติ ซึ่งต้องมีขั้นตอนในการเสนอ วิเคราะห์ ประเมิน ดำเนินการ ติดตาม และวัดผลโครงการอย่างเป็นระบบ สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
2) สำหรับโครงการที่มีแผนใช้เงินกู้เพื่อว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ธุรกิจอุตสาหกรรม หรือเพื่อยกระดับเทคโนโลยีการผลิตของอุตสาหกรรมการพัฒนาบุคลากร และอื่น ๆ ซึ่งมีหลักการและเหตุผลชัดเจน ที่นำไปสู่ขบวนการปรับโครงสร้างของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็เห็นควรให้การสนับสนุนให้เร่งรัดดำเนินการโดยด่วนได้ ส่วนเงินที่จะให้โรงงานอุตสาหกรรมกู้ต่อในรูปสินเชื่อผ่านสถาบันการเงิน จำเป็นต้องพิจารณาถึงแนวทางปฏิบัติให้ละเอียดรอบคอบ ส่วนเงินจำเป็นต้องพิจารณา ทั้งนี้ หากรัฐสามารถปรับปรุงกลไกตลาดให้ทำงานได้สำเร็จในระยะเวลาอันใกล้ ภาครัฐก็อาจไม่จำเป็นต้องให้สินเชื่อโดยตรง แต่อย่างไรก็ดีภายใต้ปัญหาสภาพคล่องของสถาบันการเงิน และ NPL ที่อยู่ในระดับสูงขณะนี้ภาครัฐยังจำเป็นต้องเข้าช่วยเหลือด้านสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม
3) โครงการที่มีกำหนดแผนการดำเนินการโดยมีสัดส่วนการใช้เงินเพื่อให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผ่านสถาบันการเงินในอัตราที่สูง จำเป็นต้องมีการกำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์การพิจารณา และขั้นตอนในการจัดสรรเงินให้สินเชื่อที่ชัดเจน ตรวจสอบได้ ตลอดจนมีกลไกการบริหารจัดการที่ชัดเจน เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ กปพ. ก่อนการดำเนินงาน
1.2 ที่ประชุมมีมติ ดังนี้
1) เห็นชอบในหลักการทั้ง 4 แผนงาน คือ แผนงานที่ 1, 3, 4, และ 6 ตามที่เสนอ
2) เห็นชอบในหลักการให้ใช้เงินกู้ปรับโครงสร้าง 122.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อดำเนินโครงการ 24 โครงการ ตามแผนงานในข้อ 1) โดย- โครงการที่มีสัดส่วนเงินลงทุนของโครงการเป็นสินเชื่อ ที่ให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผ่านสถาบันการเงินต่าง ๆ สูง ได้แก่ โครงการที่ 13, 17, 18, 20, 21 เป็นต้น มอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบจัดทำรายละเอียดโครงการ และกฎเกณฑ์การปฏิบัติ (Process) ในการจัดสรรสินเชื่ออย่างชัดเจน โดยนำหลักเกณฑ์และข้อคิดเห็นของที่ประชุมไปประกอบการจัดทำรายละเอียดโครงการดังกล่าว
- สำหรับโครงการที่เหลือที่มีรายละเอียดโครงการชัดเจน สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การปรับโครงสร้างมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กปพ. ประสานงานกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อขอรับการสนับสนุนจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างต่อไป
3) มอบหมายฝ่ายเลขานุการ กปพ. ประสานงานร่วมกับฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ ดำเนินการจัดตั้งกลไก เพื่อพิจารณากลั่นกรองโครงการ กำกับ และตรวจสอบโครงการ และให้รายงานเสนอคณะกรรมการกปพ. พิจารณาต่อไป
2. แนวทางการจัดตั้งกองทุนพัฒนานวัตกรรม
2.1 คณะกรรมการปรับโครงสร้างฯ มีความเห็นว่า
1) กองทุนพัฒนานวัตกรรมเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยบุกเบิกและพัฒนานวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคผลิต โดยการจัดสรรเงินกู้ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ 100 ล้านบาท จะเป็นทุนประเดิมเพื่อให้การเริ่มงาน 6 เดือนแรกดำเนินการไปได้ และหากประสบความสำเร็จควรได้รับการจัดสรรทุนเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นต่อไป
2) การกำหนดภารกิจหน้าที่ของกองทุนฯ ควรให้ชัดเจนแตกต่างจากกองทุนอื่นที่ สวทช. มีอยู่แล้ว โดยจะต้องสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศอย่างแท้จริง ทั้งนี้ การดำเนินงานในระยะแรกอาจเป็นการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก และมีผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศเป็นที่ปรึกษา เพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ก่อน
3) กลไกการบริหารกองทุนควรมีความเป็นอิสระ ทั้งนี้ ผู้บริหารกองทุนจะต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความเป็นกลางและตัดสินใจได้ดี มีทีมงานสนับสนุน และมีฝ่ายเลขานุการที่เข้มแข็ง โดยควรให้ฝ่ายเลขานุการ กปพ. และ สวทช. ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการไปก่อนในช่วงแรกเริ่ม และให้เร่งรัดจัดตั้งสำนักงานเลขานุการกองทุนฯ ในระยะต่อไปโดยเร็ว
2.2 ที่ประชุมเห็นของในข้อเสนอขั้นตอนการจัดตั้งกองทุนพัฒนานวัตกรรม คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ และการจัดตั้งฝ่ายเลขานุการกองทุนฯ และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุกาาร กปพ. ประสานงานกับผู้แทนกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อคณะกรรมการ กปพ. ในการประชุมครั้งต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 14 กันยายน 2541--