ทำเนียบรัฐบาล--29 ต.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม ดังนี้
1. อนุมัติให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) จัดตั้งบริษัท PTT Philippines, Inc. และจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท Coastal Aruba Refining Company N.V. รวม 4 บริษัท เพื่อดำเนินธุรกิจการตลาดและการค้าปิโตรเลียมในประเทศฟิลิปปินส์และภูมิภาคเอเชีย
2. ให้บริษัทที่จะร่วมทุนและ/หรือจัดตั้งขึ้น ดำเนินงานในลักษณะบริษัทจำกัด ภายใต้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของประเทศที่จดทะเบียน และให้บริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 บริหารงานในรูปแบบบริษัทเอกชนทั่วไปโดยไม่นำคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรี ที่ใช้บังคับรัฐวิสาหกิจทั่วไปมาใช้บังคับ เว้นแต่ที่ออกมาเพื่อใช้บังคับบริษัทนี้โดยเฉพาะในอนาคต โดยให้บริษัทมีระเบียบข้อบังคับใช้ปฏิบัติในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นของตนเอง และให้รวมถึงระเบียบวิธีการ งบประมาณ การบริหารและจัดการทางการเงินและบัญชี ตลอดจนการพัสดุ การบริหารบุคคล และการสรรหาบุคลากรโดยอิสระ
ทั้งนี้ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) รายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2538 อนุมัติงบลงทุนประจำปี 2539 ของ ปตท. สำหรับโครงการร่วมทุนเพื่อประกอบธุรกิจปิโตรเลียมในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงบลงทุนดังกล่าวให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว และ ปตท. กำหนดจะประกอบธุรกิจปิโตรเลียมในฟิลิปปินส์นั้น ขณะนี้รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังเริ่มนโยบายการค้าเสรีน้ำมัน โดยลดการควบคุมต่าง ๆ ลง ประกอบกับ บริษัท Coastal Aruba Refining Company N.V. (Coastal) เป็นบริษัทในเครือซึ่งถือหุ้นทั้งหมด โดย Coastal Corporation ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา และเคยร่วมธุรกิจกับ ปตท. มาได้ตกลงทำสัญญากับรัฐบาลฟิลิปปินส์ เพื่อเช่าคลังน้ำมันและระบบท่อส่งน้ำมันในบริเวณอ่าวซูบิคและฐานทัพอากาศคลาคเพื่อดำเนินธุรกิจ และในการนี้ได้เชิญชวน ปตท. เข้าร่วมทุนเพื่อตั้งบริษัทค้าน้ำมันและใช้ประโยชน์จากคลังและอุปกรณ์ท่อดังกล่าวด้วย ปตท. จึงเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะเร่งเข้าไปดำเนินธุรกิจน้ำมันในประเทศฟิลิปปินส์อย่างครบวงจร โดยจดทะเบียนตั้งบริษัท PTT Philippines, Inc. ขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง และสร้างเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันภายใต้เครื่องหมายการค้าของ ปตท. และจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง ปตท. และ Coastal ขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดสรุปได้ดังนี้
การจัดตั้ง
1. ตั้งบริษัท PTT Philippines, Inc. ขึ้น โดย ปตท. ถือหุ้นทั้งหมด เพื่อทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ค้าปลีก ค้าส่งและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในฟิลิปปินส์ ภายใต้เครื่องหมายการค้า ปตท. วงเงินลงทุนประมาณ 6,620 ล้านบาท ในระยะเวลา 20 ปี
สำหรับการตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Coastal นั้น เนื่องจากธุรกิจที่จะดำเนินการมีหลายประเภท จึงเห็นควรตั้งบริษัทขึ้นรวม 4 บริษัท ตามประเภทของธุรกิจ และเพื่อประโยชน์ด้านภาษี ดังนี้
1.1 บริษัท Subic Bay Petroleum Products (Cayman Island) Ltd. (SBPPL)โดย ปตท. และ Coastal ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อทำการค้าปิโตรเลียมในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ (เว้นฟิลิปปินส์และไทย) รวมทั้งทำการเช่า/ซื้อ/ขาย พาหนะต่าง ๆ และท่อที่ใช้ในการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ทุนจดทะเบียนประมาณ 0.255 ล้านบาท
1.2 บริษัท Subic Bay Petroleum (Philippines) Inc. (SBPPI) โดย ปตท. และ Coastal ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อทำการค้าปิโตรเลียม และให้เช่าอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันในเขตเศรษฐกิจพิเศษซูบิค จำหน่ายน้ำมันเตาให้โรงไฟฟ้าในไทย (เดิม ปตท. ต้องนำเข้าผ่านสิงคโปร์) และทำการค้าน้ำมันอากาศยานที่สนามบินในอ่าวซูบิค ทุนจดทะเบียนประมาณ 12.75 ล้านบาท
1.3 บริษัท Pipeline and Clark Depot Company โดย ปตท. และ Coastal ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อดำเนินการขนส่งน้ำมันทางท่อและจำหน่ายน้ำมันในเขตเศรษฐกิจพิเศษคลาค รวมทั้งดำเนินการคลังน้ำมัน ณ ฐานทัพอากาศคลาค ทุนจดทะเบียนประมาณ 150 ล้านบาท
1.4 บริษัท Subic Petroleum Distribution Inc. (SPDI) โดย ปตท. และ Coastal ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อทำธุรกิจน้ำมันและค้าส่งน้ำมันให้แก่บริษัทน้ำมันในตลาดฟิลิปปินส์ ณ อ่าวซูบิค และเขตเศรษฐกิจพิเศษคลาค ทุนจดทะเบียนประมาณ 12.75 ล้านบาท
ผลตอบแทนการลงทุน/ร่วมทุน
1.บริษัท PTTPhilippines,Inc. มีอัตราผลตอบแทนการลงทุน(IRR) ร้อยละ 20.9
2. การร่วมทุนกับบริษัท Coastal
2.1 SBPPL และ SBPPI จะให้ผลตอบแทนในรูปมูลค่าปัจจุบันสุทธิ ประมาณ 759 ล้านบาท (คิดอัตราส่วนลดร้อยละ 10)
2.2 บริษัท Pipeline and Clark Depot Company และ SPDI จะมี IRR ร้อยละ 18.1 โดยมีระยะเวลาคืนทุน 7.1 ปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 29 ตุลาคม 2539--
คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม ดังนี้
1. อนุมัติให้การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) จัดตั้งบริษัท PTT Philippines, Inc. และจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท Coastal Aruba Refining Company N.V. รวม 4 บริษัท เพื่อดำเนินธุรกิจการตลาดและการค้าปิโตรเลียมในประเทศฟิลิปปินส์และภูมิภาคเอเชีย
2. ให้บริษัทที่จะร่วมทุนและ/หรือจัดตั้งขึ้น ดำเนินงานในลักษณะบริษัทจำกัด ภายใต้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของประเทศที่จดทะเบียน และให้บริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 บริหารงานในรูปแบบบริษัทเอกชนทั่วไปโดยไม่นำคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรี ที่ใช้บังคับรัฐวิสาหกิจทั่วไปมาใช้บังคับ เว้นแต่ที่ออกมาเพื่อใช้บังคับบริษัทนี้โดยเฉพาะในอนาคต โดยให้บริษัทมีระเบียบข้อบังคับใช้ปฏิบัติในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นของตนเอง และให้รวมถึงระเบียบวิธีการ งบประมาณ การบริหารและจัดการทางการเงินและบัญชี ตลอดจนการพัสดุ การบริหารบุคคล และการสรรหาบุคลากรโดยอิสระ
ทั้งนี้ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) รายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2538 อนุมัติงบลงทุนประจำปี 2539 ของ ปตท. สำหรับโครงการร่วมทุนเพื่อประกอบธุรกิจปิโตรเลียมในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงบลงทุนดังกล่าวให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว และ ปตท. กำหนดจะประกอบธุรกิจปิโตรเลียมในฟิลิปปินส์นั้น ขณะนี้รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังเริ่มนโยบายการค้าเสรีน้ำมัน โดยลดการควบคุมต่าง ๆ ลง ประกอบกับ บริษัท Coastal Aruba Refining Company N.V. (Coastal) เป็นบริษัทในเครือซึ่งถือหุ้นทั้งหมด โดย Coastal Corporation ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา และเคยร่วมธุรกิจกับ ปตท. มาได้ตกลงทำสัญญากับรัฐบาลฟิลิปปินส์ เพื่อเช่าคลังน้ำมันและระบบท่อส่งน้ำมันในบริเวณอ่าวซูบิคและฐานทัพอากาศคลาคเพื่อดำเนินธุรกิจ และในการนี้ได้เชิญชวน ปตท. เข้าร่วมทุนเพื่อตั้งบริษัทค้าน้ำมันและใช้ประโยชน์จากคลังและอุปกรณ์ท่อดังกล่าวด้วย ปตท. จึงเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะเร่งเข้าไปดำเนินธุรกิจน้ำมันในประเทศฟิลิปปินส์อย่างครบวงจร โดยจดทะเบียนตั้งบริษัท PTT Philippines, Inc. ขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง และสร้างเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันภายใต้เครื่องหมายการค้าของ ปตท. และจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง ปตท. และ Coastal ขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดสรุปได้ดังนี้
การจัดตั้ง
1. ตั้งบริษัท PTT Philippines, Inc. ขึ้น โดย ปตท. ถือหุ้นทั้งหมด เพื่อทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ค้าปลีก ค้าส่งและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในฟิลิปปินส์ ภายใต้เครื่องหมายการค้า ปตท. วงเงินลงทุนประมาณ 6,620 ล้านบาท ในระยะเวลา 20 ปี
สำหรับการตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Coastal นั้น เนื่องจากธุรกิจที่จะดำเนินการมีหลายประเภท จึงเห็นควรตั้งบริษัทขึ้นรวม 4 บริษัท ตามประเภทของธุรกิจ และเพื่อประโยชน์ด้านภาษี ดังนี้
1.1 บริษัท Subic Bay Petroleum Products (Cayman Island) Ltd. (SBPPL)โดย ปตท. และ Coastal ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อทำการค้าปิโตรเลียมในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ (เว้นฟิลิปปินส์และไทย) รวมทั้งทำการเช่า/ซื้อ/ขาย พาหนะต่าง ๆ และท่อที่ใช้ในการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ทุนจดทะเบียนประมาณ 0.255 ล้านบาท
1.2 บริษัท Subic Bay Petroleum (Philippines) Inc. (SBPPI) โดย ปตท. และ Coastal ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อทำการค้าปิโตรเลียม และให้เช่าอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันในเขตเศรษฐกิจพิเศษซูบิค จำหน่ายน้ำมันเตาให้โรงไฟฟ้าในไทย (เดิม ปตท. ต้องนำเข้าผ่านสิงคโปร์) และทำการค้าน้ำมันอากาศยานที่สนามบินในอ่าวซูบิค ทุนจดทะเบียนประมาณ 12.75 ล้านบาท
1.3 บริษัท Pipeline and Clark Depot Company โดย ปตท. และ Coastal ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อดำเนินการขนส่งน้ำมันทางท่อและจำหน่ายน้ำมันในเขตเศรษฐกิจพิเศษคลาค รวมทั้งดำเนินการคลังน้ำมัน ณ ฐานทัพอากาศคลาค ทุนจดทะเบียนประมาณ 150 ล้านบาท
1.4 บริษัท Subic Petroleum Distribution Inc. (SPDI) โดย ปตท. และ Coastal ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อทำธุรกิจน้ำมันและค้าส่งน้ำมันให้แก่บริษัทน้ำมันในตลาดฟิลิปปินส์ ณ อ่าวซูบิค และเขตเศรษฐกิจพิเศษคลาค ทุนจดทะเบียนประมาณ 12.75 ล้านบาท
ผลตอบแทนการลงทุน/ร่วมทุน
1.บริษัท PTTPhilippines,Inc. มีอัตราผลตอบแทนการลงทุน(IRR) ร้อยละ 20.9
2. การร่วมทุนกับบริษัท Coastal
2.1 SBPPL และ SBPPI จะให้ผลตอบแทนในรูปมูลค่าปัจจุบันสุทธิ ประมาณ 759 ล้านบาท (คิดอัตราส่วนลดร้อยละ 10)
2.2 บริษัท Pipeline and Clark Depot Company และ SPDI จะมี IRR ร้อยละ 18.1 โดยมีระยะเวลาคืนทุน 7.1 ปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 29 ตุลาคม 2539--