ทำเนียบรัฐบาล--3 ก.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ทำสัญญาเช่าทำเนียบและที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตฯ เกินกว่า 1 ปีงบประมาณได้ และอนุมัติเป็นหลักการให้สถานทูตสถานกงสุลที่ประจำอยู่ในต่างประเทศก่อหนี้ผูกพันในการทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์เกินกว่าปีงบประมาณ หลังจากที่ได้รับอนุมัติการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเช่าจากกระทรวงการคลังแล้ว และเมื่อได้ทำสัญญาเช่าเรียบร้อยแล้ว กระทรวงการต่างประเทศจะรายงานให้คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยพิจารณาเห็นว่า
1. กระทรวงการคลังอนุมัติให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวได้เท่าที่จ่ายจริง ภายในวงเงินและเงื่อนไขตามที่ขอตกลง แต่โดยที่ระยะเวลาในการทำสัญญาเช่าที่ทำการและทำเนียบเกินกว่า 1 ปี เป็นการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่า 1 ปีงบประมาณ กระทรวงการคลังจึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรีเพื่อก่อหนี้ผูกพันดังกล่าวก่อน
2. ปัจจุบันมีสถานทูตสถานกงสุลที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศทั้งสิ้น จำนวน 79 แห่ง และมีภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ ได้แก่ การเช่าอาคารเพื่อใช้เป็นสำนักงาน บ้านพักหัวหน้าสำนักงาน และการเช่าบ้านพักสำหรับข้าราชการที่ประจำการในต่างประเทศ (ข้าราชการแต่ละรายจะต้องอยู่ปฏิบัติราชการประจำเป็นระยะเวลาประมาณ 4 ปี) ในการทำสัญญาเช่าส่วนใหญ่จะทำสัญญาเกินกว่า 1 ปีงบประมาณทั้งสิ้น ซึ่งจะเป็นผลดีสำหรับส่วนราชการในแง่ของ รายจ่าย และระยะเวลาการจ่ายเงินที่แน่นอนในการทำสัญญาเช่าอาคารปีต่อปี เมื่อสัญญาเช่าหมดอายุและต่อสัญญาใหม่ ผู้ให้เช่าบางรายอาจจะเรียกร้องค่าเช่าเพิ่มขึ้นอีกตามความพอใจ และหากไม่ได้รับการต่อสัญญาเช่าก็จะต้องหาเช่าอาคารแห่งใหม่ ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำสัญญาเช่าใหม่ ซึ่งทำให้เกิดความไม่สะดวกในการปฏิบัติประกอบกับการเช่าทรัพย์สินของส่วนราชการจะต้องขอทำความตกลงเบิกจ่ายเงินกับกระทรวงการคลังอยู่แล้ว และโดยที่ระยะเวลาในการดำเนินการขออนุมัติและพิจารณาของกระทรวงการคลังต้องใช้เวลานานพอสมควร โดยที่สถานทูตสถานกงสุลทุกแห่ง จะต้องทำสัญญาเช่าทรัพย์สินทั้งอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้ในราชการมีระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี งบประมาณเสมอ หากจะให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนทุกครั้ง ย่อมเป็นการไม่สะดวกต่อการปฏิบัติงาน และเป็นภาระแก่คณะรัฐมนตรีเป็นอย่างมาก
3. เพื่อแบ่งเบาภาระคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาการเช่าทรัพย์สินของสถานทูตสถานกงสุล และเพื่อเป็นการลดขั้นตอนในการดำเนินการให้ปฏิบัติงานได้สะดวกรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย ดังนี้
1. การดำเนินการเช่าอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ โดยการทำสัญญาเช่าเกินกว่า 1 ปี จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการทำสัญญาเช่าปีต่อปี
2. หากกระทรวงการต่างประเทศมีแผนปฏิบัติงานล่วงหน้าก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณหรือก่อนทำสัญญาเช่าเป็นระยะเวลาพอสมควรและเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ ย่อมสามารถดำเนินการทำสัญญาเช่าได้สะดวกรวดเร็วทันตามความจำเป็นและไม่เป็นปัญหาต่อการปฏิบัติงาน ดังนั้น ในชั้นนี้เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติราชการของกระทรวงการต่างประเทศในเรื่องดังกล่าว สมควรให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมและจัดทำแผนการเช่าอาคารสถานที่ เพื่อใช้เป็นทำเนียบและที่ทำการของสถานทูตสถานกงสุลไปในคราวเดียวให้สอดคล้องกับระยะเวลาการขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ เพื่อลดปริมาณเรื่องพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและสอดคล้องกับวิธีการงบประมาณ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 2 กรกฏาคม 2539--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ทำสัญญาเช่าทำเนียบและที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตฯ เกินกว่า 1 ปีงบประมาณได้ และอนุมัติเป็นหลักการให้สถานทูตสถานกงสุลที่ประจำอยู่ในต่างประเทศก่อหนี้ผูกพันในการทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์เกินกว่าปีงบประมาณ หลังจากที่ได้รับอนุมัติการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการเช่าจากกระทรวงการคลังแล้ว และเมื่อได้ทำสัญญาเช่าเรียบร้อยแล้ว กระทรวงการต่างประเทศจะรายงานให้คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยพิจารณาเห็นว่า
1. กระทรวงการคลังอนุมัติให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวได้เท่าที่จ่ายจริง ภายในวงเงินและเงื่อนไขตามที่ขอตกลง แต่โดยที่ระยะเวลาในการทำสัญญาเช่าที่ทำการและทำเนียบเกินกว่า 1 ปี เป็นการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่า 1 ปีงบประมาณ กระทรวงการคลังจึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรีเพื่อก่อหนี้ผูกพันดังกล่าวก่อน
2. ปัจจุบันมีสถานทูตสถานกงสุลที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศทั้งสิ้น จำนวน 79 แห่ง และมีภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ ได้แก่ การเช่าอาคารเพื่อใช้เป็นสำนักงาน บ้านพักหัวหน้าสำนักงาน และการเช่าบ้านพักสำหรับข้าราชการที่ประจำการในต่างประเทศ (ข้าราชการแต่ละรายจะต้องอยู่ปฏิบัติราชการประจำเป็นระยะเวลาประมาณ 4 ปี) ในการทำสัญญาเช่าส่วนใหญ่จะทำสัญญาเกินกว่า 1 ปีงบประมาณทั้งสิ้น ซึ่งจะเป็นผลดีสำหรับส่วนราชการในแง่ของ รายจ่าย และระยะเวลาการจ่ายเงินที่แน่นอนในการทำสัญญาเช่าอาคารปีต่อปี เมื่อสัญญาเช่าหมดอายุและต่อสัญญาใหม่ ผู้ให้เช่าบางรายอาจจะเรียกร้องค่าเช่าเพิ่มขึ้นอีกตามความพอใจ และหากไม่ได้รับการต่อสัญญาเช่าก็จะต้องหาเช่าอาคารแห่งใหม่ ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำสัญญาเช่าใหม่ ซึ่งทำให้เกิดความไม่สะดวกในการปฏิบัติประกอบกับการเช่าทรัพย์สินของส่วนราชการจะต้องขอทำความตกลงเบิกจ่ายเงินกับกระทรวงการคลังอยู่แล้ว และโดยที่ระยะเวลาในการดำเนินการขออนุมัติและพิจารณาของกระทรวงการคลังต้องใช้เวลานานพอสมควร โดยที่สถานทูตสถานกงสุลทุกแห่ง จะต้องทำสัญญาเช่าทรัพย์สินทั้งอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้ในราชการมีระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี งบประมาณเสมอ หากจะให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนทุกครั้ง ย่อมเป็นการไม่สะดวกต่อการปฏิบัติงาน และเป็นภาระแก่คณะรัฐมนตรีเป็นอย่างมาก
3. เพื่อแบ่งเบาภาระคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาการเช่าทรัพย์สินของสถานทูตสถานกงสุล และเพื่อเป็นการลดขั้นตอนในการดำเนินการให้ปฏิบัติงานได้สะดวกรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย ดังนี้
1. การดำเนินการเช่าอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ โดยการทำสัญญาเช่าเกินกว่า 1 ปี จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการทำสัญญาเช่าปีต่อปี
2. หากกระทรวงการต่างประเทศมีแผนปฏิบัติงานล่วงหน้าก่อนเริ่มต้นปีงบประมาณหรือก่อนทำสัญญาเช่าเป็นระยะเวลาพอสมควรและเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ ย่อมสามารถดำเนินการทำสัญญาเช่าได้สะดวกรวดเร็วทันตามความจำเป็นและไม่เป็นปัญหาต่อการปฏิบัติงาน ดังนั้น ในชั้นนี้เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติราชการของกระทรวงการต่างประเทศในเรื่องดังกล่าว สมควรให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมและจัดทำแผนการเช่าอาคารสถานที่ เพื่อใช้เป็นทำเนียบและที่ทำการของสถานทูตสถานกงสุลไปในคราวเดียวให้สอดคล้องกับระยะเวลาการขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ เพื่อลดปริมาณเรื่องพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและสอดคล้องกับวิธีการงบประมาณ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 2 กรกฏาคม 2539--