มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ

ข่าวการเมือง Wednesday November 4, 2015 15:49 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ มีสาระสำคัญ ดังนี้

1. กรณีผู้ประกอบการทั่วไป ให้คิดการหักรายจ่ายเป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายเพื่อการลงทุน หรือการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สิน แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

1.1 จัดทำเป็นโครงการการลงทุนใหม่ และต้องลงทุนในทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนิน ธุรกิจหลักของกิจการ โดยมูลค่าของโครงการประกอบด้วยมูลค่าของทรัพย์สิน ดังนี้

1) เครื่องจักร ส่วนประกอบ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้

2) โปรแกรมคอมพิวเตอร์

3) ยานพาหนะที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยานพาหนะนั้น ๆ ในราชอาณาจักรที่ใช้ ในการดำเนินธุรกิจหลักของกิจการ แต่ไม่รวมถึงรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตที่มิใช่ได้มาเพื่อนำออกให้เช่า

4) อาคารถาวรไม่รวมที่ดิน และไม่รวมถึงอาคารถาวรที่ใช้เพื่อการอยู่อาศัย

1.2 ทรัพย์สินตามอข้ 1.1 ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

1) ต้องไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน

2) ต้องอยู่ในราชอาณาจักร แต่ไม่รวมถึงกรณีทรัพย์สินประเภทยานพาหนะ

3) ต้องสามารถหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินตามมาตรา 65 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร และต้องได้ทรัพย์สินนั้นมาและอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้การได้ตามประสงค์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2559

4) ต้องไม่ใช้สิทธิหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในอัตราพิเศษตามที่กฎหมายกำหนดให้หักได้

1.3 ต้องเป็นรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอข้างต้นจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559

1.4 ต้องหักรายจ่ายลงทุนในจำนวนที่เท่ากันตามรอบระยะเวลาบัญชีที่กฎหมายกำหนดให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา และให้เริ่มใช้สิทธินับตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกที่มีสิทธิหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา

1.5 ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด

2. กรณีผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ประกอบด้วยสองกรณี คือ

2.1 กรณีโครงการที่ได้มีการลงทุนไปแล้ว หากผู้ประกอบการประสงค์จะขอใช้สิทธิตามข้อ 1 ผู้ประกอบการรายนั้นจะต้องมีการลงทุนในโครงการใหม่แยกต่างหากจากโครงการเดิมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในข้อ 1

2.2 กรณีโครงการที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน แต่ยังไม่มีการลงทุน และสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมตามมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ผู้ประกอบการสามารถเลือกรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมตามมาตรการเร่งรัดการลงทุนของ สกท. หรือเลือกใช้สิทธิตามข้อ 1. เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยหากผู้ประกอบการเลือกรับสิทธิประโยชน์ตามข้อ 1. ผู้ประกอบการจะต้องจดแจ้งขอใช้สิทธิกับกรมสรรพากร และ สกท. ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามข้อ 1. ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินได้จำนวน 1 เท่าตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนการหักรายจ่ายอีก 1 เท่าให้เริ่มหักนับตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีแรกหลังจากสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 พฤศจิกายน 2558--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ