ทำเนียบรัฐบาล--12 ธ.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบมาตรการปรับลดงบประมาณค่าก่อสร้าง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. ให้หน่วยงานภาครัฐปรับลดงบประมาณค่าสิ่งก่อสร้างลงร้อยละ 10 จากราคากลางสำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2544 ซึ่งการปรับลดดังกล่าวจะทำให้ประหยัดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท จากงบประมาณค่าก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ 70,000 ล้านบาท สำหรับวิธีปฏิบัติให้กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการคำนวณราคากลางตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางแล้วเป็นจำนวนเท่าใด ให้ปรับลดลงร้อยละ 10 และให้ถือเป็นราคากลางที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันเริ่มฟื้นตัว และอัตราเงินเฟ้อค่อนข้างต่ำ ขณะที่ภาวะ ตลาดด้านการก่อสร้างมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง สภาวะการณ์ดังกล่าวนี้น่าจะดำรงอยู่เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น การปรับลดราคากลางสิ่งก่อสร้างลงร้อยละ 10 ดังกล่าว จึงให้ใช้เป็นมาตรการชั่วคราว หากสภาวะการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ สำนักงบประมาณจะได้เสนอแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อไป ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาวเห็นสมควรให้คณะกรรมการควบคุมราคากลาง ซึ่งมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางที่เหมาะสมต่อไป
2. เนื่องจากตามผลการประกวดราคาสิ่งก่อสร้างของงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2543 ได้ลดลงจากราคากลางโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 11.4 การกำหนดวงเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาดสำหรับรายการก่อสร้างที่ขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณไว้ในอัตราร้อยละ 10 น่าจะเป็นอัตราที่สูงเกินไปสมควรพิจารณาปรับลดลงให้สอดคล้องกันด้วย
ดังนั้น จึงเห็นชอบให้ปรับลดวงเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาดของรายการสิ่งก่อสร้างที่ได้รับอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 จากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2543 ที่กำหนดวงเงินเผื่อเหลือเผื่อขาดสำหรับรายการสิ่งก่อสร้างไว้ในอัตราร้อยละ 10 เป็นอัตราร้อยละ 5 ซึ่งจะทำให้สามารถปรับลดวงเงินภาระผูกพันงบประมาณลงได้ประมาณ 2,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลของการปรับลดงบประมาณค่าก่อสร้างตามข้อ 1 และข้อ 2 ดังกล่าวข้างต้น นอกจากจะประหยัดงบประมาณรายจ่ายลงได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่ายในรายการที่จำเป็นและมีวงเงินงบประมาณที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศรายการอื่นเพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะช่วยลดโอกาสในการสมยอมราคาระหว่างผู้รับจ้างให้น้อยลง ก่อให้เกิดการแข่งขันระหว่างผู้รับจ้างมากขึ้น รวมทั้งมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชั่นในวงการก่อสร้างไทยที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 12 ธ.ค. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบมาตรการปรับลดงบประมาณค่าก่อสร้าง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. ให้หน่วยงานภาครัฐปรับลดงบประมาณค่าสิ่งก่อสร้างลงร้อยละ 10 จากราคากลางสำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2544 ซึ่งการปรับลดดังกล่าวจะทำให้ประหยัดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท จากงบประมาณค่าก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ 70,000 ล้านบาท สำหรับวิธีปฏิบัติให้กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการคำนวณราคากลางตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางแล้วเป็นจำนวนเท่าใด ให้ปรับลดลงร้อยละ 10 และให้ถือเป็นราคากลางที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันเริ่มฟื้นตัว และอัตราเงินเฟ้อค่อนข้างต่ำ ขณะที่ภาวะ ตลาดด้านการก่อสร้างมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง สภาวะการณ์ดังกล่าวนี้น่าจะดำรงอยู่เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น การปรับลดราคากลางสิ่งก่อสร้างลงร้อยละ 10 ดังกล่าว จึงให้ใช้เป็นมาตรการชั่วคราว หากสภาวะการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ สำนักงบประมาณจะได้เสนอแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อไป ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาวเห็นสมควรให้คณะกรรมการควบคุมราคากลาง ซึ่งมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางที่เหมาะสมต่อไป
2. เนื่องจากตามผลการประกวดราคาสิ่งก่อสร้างของงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2543 ได้ลดลงจากราคากลางโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 11.4 การกำหนดวงเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาดสำหรับรายการก่อสร้างที่ขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณไว้ในอัตราร้อยละ 10 น่าจะเป็นอัตราที่สูงเกินไปสมควรพิจารณาปรับลดลงให้สอดคล้องกันด้วย
ดังนั้น จึงเห็นชอบให้ปรับลดวงเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาดของรายการสิ่งก่อสร้างที่ได้รับอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 จากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2543 ที่กำหนดวงเงินเผื่อเหลือเผื่อขาดสำหรับรายการสิ่งก่อสร้างไว้ในอัตราร้อยละ 10 เป็นอัตราร้อยละ 5 ซึ่งจะทำให้สามารถปรับลดวงเงินภาระผูกพันงบประมาณลงได้ประมาณ 2,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลของการปรับลดงบประมาณค่าก่อสร้างตามข้อ 1 และข้อ 2 ดังกล่าวข้างต้น นอกจากจะประหยัดงบประมาณรายจ่ายลงได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่ายในรายการที่จำเป็นและมีวงเงินงบประมาณที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศรายการอื่นเพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะช่วยลดโอกาสในการสมยอมราคาระหว่างผู้รับจ้างให้น้อยลง ก่อให้เกิดการแข่งขันระหว่างผู้รับจ้างมากขึ้น รวมทั้งมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชั่นในวงการก่อสร้างไทยที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 12 ธ.ค. 2543--
-สส-