การต่ออายุความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างไทยกับสหประชาชาติในรูปแบบของหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับการฝึกอบรมหลักสูตรกฎหมายระหว่างประเทศระดับภูมิภาคของสหประชาชาติ

ข่าวการเมือง Wednesday April 24, 2019 17:24 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง การต่ออายุความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างไทยกับสหประชาชาติในรูปแบบของหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับการฝึกอบรมหลักสูตรกฎหมายระหว่างประเทศระดับภูมิภาคของสหประชาชาติ (United Nations Regional in International Law) ประจำปี 2562

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อต่ออายุความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างไทยกับสหประชาชาติ ปี 2560 สำหรับการจัดฝึกอบรมหลักสูตรกฎหมายระหว่างประเทศระดับภูมิภาคของสหประชาชาติ (United Nations Regional Course in International Law) ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน – 13 ธันวาคม 2562 ณ กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย โดยอนุมัติให้เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ของฝ่ายไทยสำหรับการฝึกอบรมฯ ประจำปี 2562 ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานกฎหมายสหประชาชาติได้ร่วมกันพิจารณายกร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับการฝึกอบรมหลักสูตรกฎหมายระหว่างประเทศระดับภูมิภาคของสหประชาชาติ ประจำปี 2562 โดยมีสาระสำคัญเป็นการตอบรับฝ่ายสหประชาชาติ เพื่อต่ออายุความตกลงระหว่างไทยกับสหประชาชาติในรูปแบบของหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับการฝึกอบรมหลักสูตรกฎหมายระหว่างประเทศระดับภูมิภาคของสหประชาชาติ ที่มีผลบังคับใช้เมื่อปี 2560 เพื่อให้สามารถจัดการฝึกอบรมฯ ที่ประเทศไทยได้ในระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน – 13 ธันวาคม 2562

ภายหลังจากที่ได้ต่ออายุความตกลงฯ สหประชาชาติจะเริ่มประชาสัมพันธ์หลักสูตรการฝึกอบรม เปิดรับสมัคร และดำเนินการคัดเลือกผู้เข้าร่วมและนัดหมายผู้บรรยาย ในส่วนของประเทศไทยกระทรวงการต่างประเทศจะต้องเตรียมการด้านงบประมาณ สถานที่ และด้านโลจิสติกส์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อให้สามารถเตรียมการจัดการฝึกอบรมฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยประเทศไทยกับสหประชาชาติจะแบ่งส่วนความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการฝึกอบรมข้างต้นด้วย

ทั้งนี้ การคงความร่วมมือกับสหประชาชาติในการจัดการฝึกอบรมฯ นอกจากเป็นการสนับสนุนการดำเนินนโยบายด้านการต่างประเทศของไทยแล้ว จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ในสายงานด้านกฎหมายระหว่างประเทศของไทยที่จะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างเครือข่ายกับนักกฎหมายระหว่างประเทศจากประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 เมษายน 2562--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ