แนวปฏิบัติเชิงนโยบายเพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ระบบเครื่องส่ง และวัสดุอุปกรณ์ (ทางทะเล ทางอากาศ และทางบก)

ข่าวการเมือง Tuesday February 4, 2020 18:22 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวปฏิบัติเชิงนโยบายเพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ระบบเครื่องส่ง และวัสดุอุปกรณ์ (ทางทะเล ทางอากาศ และทางบก) เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอ และให้ สมช. รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง

สมช. รายงานว่า

1. เมื่อปี พ.ศ. 2557 สมช. ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการประสานงานเพื่อดำเนินการตามพันธกรณีความริเริ่มเพื่อความมั่นคงจากการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง รวมทั้งคณะทำงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยกร่างแนวปฏิบัติเชิงนโยบายเพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ระบบเครื่องส่ง และวัสดุอุปกรณ์ (ทางทะเล อากาศ และทางบก) โดยพิจารณาถึงความสอดคล้องกับกฎหมายและแนวปฏิบัติภายในประเทศเกี่ยวกับการควบคุมยุทธภัณฑ์และสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items: DUI) รวมทั้งความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ สนธิสัญญาและอนุสัญญาด้านการไม่แพร่ขยาย WMD ข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) และแนวปฏิบัติว่าด้วยการควบคุมการส่งออกที่เกี่ยวข้อง

2. แนวปฏิบัติเชิงนโยบายเพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ระบบเครื่องส่ง และวัสดุอุปกรณ์ (ทางทะเล ทางอากาศ และทางบก) ได้กำหนดขั้นตอนการประสานงานเพื่อสกัดกั้นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ระบบเครื่องส่งและวัสดุอุปกรณ์ ที่มีการขนส่งผ่านช่องทางคมนาคมระหว่างประเทศ ทั้งทางทะเล ทางอากาศและทางบก ได้ผ่านการพิจารณาของสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้วเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

2.1 การดำเนินการก่อนการสกัดกั้น คือ การประสานงานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือข่าวกรองเกี่ยวกับยานพาหนะที่ต้องสงสัยว่าทำการขนส่งสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ WMD รวมถึงการติดตามการประกาศรายชื่อบุคคล องค์กร และยานพาหนะที่ได้รับการขึ้นบัญชีลงโทษ (Sanction) ของ UNSC และยานพาหนะที่ต้องสงสัยอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง การตรวจสอบข้อมูลยานพาหนะต้องสงสัยกับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) เมื่อได้รับการแจ้งเตือน และการแจ้งข้อมูลให้ส่วนราชการผู้บังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ที่มีการเข้าออก หรือผ่านแดนของยานพาหนะดังกล่าวให้เฝ้าระวัง

2.2 การดำเนินการสกัดกั้น เป็นการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมยุทธภัณฑ์ วัตถุอันตรายทางเคมี ชีวภาพ รังสีและนิวเคลียร์ DUI และสินค้าที่ถูกขึ้นรายการตามข้อมติ UNSC ด้านการไม่แพร่ขยาย WMD โดยเฉพาะการใช้อำนาจการตรวจสอบสินค้าตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ทั้งนี้ กำหนดให้ส่วนราชการที่มีอำนาจหน้าที่บังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในพื้นที่ที่พบยานพาหนะและสินค้าต้องสงสัย (อาทิ น่านน้ำอาณาเขต ท่าเรือ ท่าอากาศยาน ด่านพรมแดน) เป็นผู้ดำเนินการสกัดกั้นและตรวจค้น พร้อมทั้งให้มีชุดสหวิชาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี ชีวภาพ รังสีและนิวเคลียร์ ให้การสนับสนุนทางเทคนิคในการตรวจค้นสินค้าอันตรายตามความจำเป็น

2.3 การดำเนินการหลังการสกัดกั้น ได้แก่ การดำเนินการตรวจค้น ยึด และอายัด และจัดการสินค้าอันเป็นความผิด การตรวจสอบความเชื่อมโยงกับการก่อการร้าย หรืออาชญากรรมที่เกี่ยวกับความพยายามแพร่ขยาย WMD และการชี้แจงต่อผู้ได้รับผลกระทบ

2.4 กรณีที่ส่วนราชการผู้บังคับใช้กฎหมายไม่สามารถดำเนินการสกัดกั้นสินค้าที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการแพร่ขยาย WMD ในเงื่อนไขต่าง ๆ ได้แก่ ยานพาหนะที่เกี่ยวข้องอยู่นอกเขตอำนาจการบังคับใช้พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 การมีข้อมูลหรือข่าวกรองอย่างจำกัดและไม่เพียงพอที่จะสามารถนำมายืนยันเรื่องการกระทำผิด การขาดกฎหมายภายในที่ให้อำนาจในการสกัดกั้นหรือตรวจค้น หรือมีข้อจำกัดทางปฏิบัติอื่น ๆ สมช. สามารถขออนุมัติแนวปฏิบัติเชิงนโยบายเพิ่มเติมเป็นรายกรณีจากคณะรัฐมนตรี หรือสภาความมั่นคงแห่งชาติ

ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ