ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการเปลี่ยนแปลงการกู้เงินเป็นขอใช้งบประมาณ ปี 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 25, 2009 14:10 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการเปลี่ยนแปลงการกู้เงินเป็นขอใช้งบประมาณ ปี 2553

(โครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปี 2551/52)

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 [เรื่อง ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/2552 (ข้อ 2)] เพื่อขอเปลี่ยนแปลงการกู้เงินเป็นขอใช้งบประมาณรายจ่ายที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้รับจัดสรรประจำปี 2553 สำหรับการจ่ายค่าใช้จ่ายตามโครงการรับจำนำผลิตผล ทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/52 ส่วนที่เหลือจากการกู้จำนวน 4,318.94 ล้านบาท เพื่อลดภาระค่าดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงิน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า สืบเนื่องจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (3 มิถุนายน 2552) นั้น

1. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ได้จัดหาแหล่งเงินกู้ โดยให้ อคส.กู้เงินจากธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 4,918.94 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้ 6 เดือนนับแต่เบิกเงินกู้งวดแรก ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.35 ต่อปี ซึ่ง อคส.ได้ทำสัญญาเงินกู้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2552 และได้เบิกเงินกู้งวดแรกจำนวน 600 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2552 คงเหลือวงเงินกู้ 4,318.94 ล้านบาท และ อคส. จะดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 600 ล้านบาท ต่อไป

2. ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ครั้งที่ 16/2552 (ครั้งที่ 206) วันที่ 4 พฤศจิกายน 2552 ที่ประชุมได้มีมติให้ อคส.เร่งรัดนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วน เพื่อขอเปลี่ยนแปลงการกู้เงินเป็นขอใช้งบประมาณรายจ่ายที่ อคส. ได้รับจัดสรรประจำปี 2553 สำหรับการจ่ายค่าใช้จ่ายตามโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/52 เพื่อลดภาระค่าดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงิน

3. คณะกรรมการ อคส.ได้ประชุมครั้งที่ 14/2552 เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2552 มีมติดังนี้

3.1 เห็นชอบให้ อคส. เปลี่ยนแปลงการกู้เงินเป็นขอใช้งบประมาณรายจ่ายที่ได้รับจัดสรรประจำปี 2553 สำหรับจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือจากการกู้จำนวน 4,318.94 ล้านบาท ตามโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/52

3.2 ให้ อคส.รอผลการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีโดยยังไม่ต้องกู้เงินงวดต่อไป

4. กระทรวงพาณิชย์พิจารณาแล้วเห็นว่า ขณะนี้พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี 2553 ได้รับการอนุมัติแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และเบิกเงินงบประมาณมาจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้อีกต่อไป เห็นควรอนุมัติเบิกเงินงบประมาณมาจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ตามวงเงินที่เหลือจากการกู้เงินจำนวน 4,318.94 ล้านบาท เพื่อเป็นการลดภาระค่าดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงิน

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ