1. การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (กระทรวงยุติธรรม)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอให้แต่งตั้ง นายชาติชาย สุทธิกลม รองเลขาธิการ ป.ป.ส. (นักบริหาร 9) สำนักงาน ป.ป.ส. ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช) สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2548 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้เสนอชื่อข้าราชการดังกล่าวต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
2. แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้แต่งตั้ง นายสุชาติ หาญไชยพิบูลย์กุล นายแพทย์ 9 วช ด้านเวชกรรม สาขาประสาทวิทยา กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ 10 วช ด้านเวชกรรม สาขาประสาทวิทยา กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2548 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้เสนอชื่อข้าราชการดังกล่าวต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
3. ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ระดับ 10
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอให้แต่งตั้ง นายกิตติพงษ์ สุมิพันธ์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 9 ชช สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช (ที่ปรึกษาด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
4. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับแต่งตั้งให้เป็น WHO Collaborating Center for
Strengthening Quality System in Health Laboratory
คณะรัฐมนตรีรับทราบเรื่อง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับแต่งตั้งให้เป็น WHO Collaborating Center for Strengthening Quality System in Health Laboratory ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
ด้วยกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งมีหน่วยงานในสังกัด คือ สำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ทำหน้าที่พัฒนาระบบคุณภาพและรับรองห้องปฏิบัติการทางการแพทย์และสาธารณสุข ได้รับการพิจารณาจากองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) แต่งตั้งให้เป็นศูนย์กลางความร่วมมือ WHO Collaborating Center for Strengthening Quality System in Health Laboratory เป็นระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2549 เป็นต้นไป
การที่กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น WHO Collaborating Center for Strengthening Quality System in Health Laboratory ครั้งนี้ นับว่าเป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านระบบ คุณภาพห้องปฏิบัติการทางการแพทย์แห่งแรกและแห่งเดียวในโลก อันแสดงถึงสมรรถนะของ หน่วยงานและบุคลากร เป็นที่ยอมรับให้เป็นผู้นำด้านระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการทางการแพทย์และสาธารณสุข สอดรับกับนโยบาย ในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพ (Medical Hub) อย่างชัดเจน
หมายเหตุ : ขอแก้ไขมติครม.วันที่ 14 มีนาคม 2549 หน้า 16 เรื่องที่ 21 การปรับอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ เป็นดังนี้
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ปรับค่าจ้างของพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรอง เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมายฯ) ครั้งที่ 7/2549 เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549 โดย
1. ให้ปรับปรุงอัตราค่าจ้างของพนักงานรัฐวิสาหกิจตามโครงสร้างของอัตราเงินเดือนที่แตกต่างกันเป็น 3 กลุ่ม โดยให้ใช้เงินจากงบประมาณของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ เอง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 (ยกเว้นตำแหน่งผู้ว่าการหรือผู้อำนวยการซึ่งใช้สัญญาจ้าง) ดังนี้
1) กลุ่มที่ 1 รัฐวิสาหกิจที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้สามารถกำหนดอัตราเงินเดือนค่าจ้างฯ ได้เองจำนวน 15 แห่ง ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งเป็นผู้พิจารณาปรับอัตราค่าจ้าง (ไม่เกินร้อยละ 5 ของอัตราค่าจ้างที่ได้รับ)
2) กลุ่มที่ 2 รัฐวิสาหกิจที่ใช้บัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนเป็นของตนเอง จำนวน 9 แห่ง ซึ่งบางแห่งได้ขอปรับปรุงโครงสร้างเงินเดือนโดยพิจารณารวมค่างานไว้ด้วยแล้ว ทำให้อัตราค่าตอบแทนใกล้เคียงกับค่าตอบแทนตลาด ให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจเป็นผู้พิจารณาปรับเพิ่มได้ไม่เกินร้อยละ 5 ของอัตราค่าจ้างที่ได้รับ โดยให้คำนึงถึงการปรับค่าจ้างครั้งที่ผ่านมา สถานะทางการเงิน ผลการประกอบกิจการ การประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ภายในองค์กร เพื่อให้ครอบคลุมรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นและไม่ให้มีผลกกระทบให้รายได้ลดลงเพราะการเพิ่มค่าตอบแทน ทั้งนี้ ควรให้คงสัดส่วนของรายจ่ายด้านบุคลากรต่อรายได้ให้คงอยู่ในอัตราเดิม โดยไม่เป็นการผลักภาระให้ประชาชน และไม่กระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกระทรวงการคลังในการนำรายได้ส่งคลังแผ่นดิน
3) กลุ่มที่ 3 รัฐวิสาหกิจที่ใช้บัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนค่าจ้าง 58 ขั้น จำนวน 40 แห่ง ซึ่งมีโครงสร้างเงินเดือนใกล้เคียงกับภาคราชการ ให้ปรับในอัตราร้อยละ 5 ของอัตราค่าจ้างที่ได้รับเช่นเดียวกับภาคราชการ
2. เมื่อรัฐวิสาหกิจแห่งใดได้ปรับอัตราค่าจ้างดังกล่าว แล้วให้ส่งบัญชีโครงสร้างเงินเดือนที่มีการปรับอัตราค่าจ้างและแจ้งข้อมูลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากการปรับค่าจ้างให้คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ทราบเพื่อประโยชน์ในการบริหารค่าจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งระบบต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 มีนาคม 2549--จบ--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอให้แต่งตั้ง นายชาติชาย สุทธิกลม รองเลขาธิการ ป.ป.ส. (นักบริหาร 9) สำนักงาน ป.ป.ส. ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช) สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2548 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้เสนอชื่อข้าราชการดังกล่าวต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
2. แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้แต่งตั้ง นายสุชาติ หาญไชยพิบูลย์กุล นายแพทย์ 9 วช ด้านเวชกรรม สาขาประสาทวิทยา กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ 10 วช ด้านเวชกรรม สาขาประสาทวิทยา กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2548 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้เสนอชื่อข้าราชการดังกล่าวต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
3. ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ระดับ 10
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอให้แต่งตั้ง นายกิตติพงษ์ สุมิพันธ์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 9 ชช สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช (ที่ปรึกษาด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
4. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับแต่งตั้งให้เป็น WHO Collaborating Center for
Strengthening Quality System in Health Laboratory
คณะรัฐมนตรีรับทราบเรื่อง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับแต่งตั้งให้เป็น WHO Collaborating Center for Strengthening Quality System in Health Laboratory ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
ด้วยกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งมีหน่วยงานในสังกัด คือ สำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ทำหน้าที่พัฒนาระบบคุณภาพและรับรองห้องปฏิบัติการทางการแพทย์และสาธารณสุข ได้รับการพิจารณาจากองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) แต่งตั้งให้เป็นศูนย์กลางความร่วมมือ WHO Collaborating Center for Strengthening Quality System in Health Laboratory เป็นระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2549 เป็นต้นไป
การที่กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น WHO Collaborating Center for Strengthening Quality System in Health Laboratory ครั้งนี้ นับว่าเป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านระบบ คุณภาพห้องปฏิบัติการทางการแพทย์แห่งแรกและแห่งเดียวในโลก อันแสดงถึงสมรรถนะของ หน่วยงานและบุคลากร เป็นที่ยอมรับให้เป็นผู้นำด้านระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการทางการแพทย์และสาธารณสุข สอดรับกับนโยบาย ในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพ (Medical Hub) อย่างชัดเจน
หมายเหตุ : ขอแก้ไขมติครม.วันที่ 14 มีนาคม 2549 หน้า 16 เรื่องที่ 21 การปรับอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ เป็นดังนี้
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ปรับค่าจ้างของพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรอง เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมายฯ) ครั้งที่ 7/2549 เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549 โดย
1. ให้ปรับปรุงอัตราค่าจ้างของพนักงานรัฐวิสาหกิจตามโครงสร้างของอัตราเงินเดือนที่แตกต่างกันเป็น 3 กลุ่ม โดยให้ใช้เงินจากงบประมาณของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ เอง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 (ยกเว้นตำแหน่งผู้ว่าการหรือผู้อำนวยการซึ่งใช้สัญญาจ้าง) ดังนี้
1) กลุ่มที่ 1 รัฐวิสาหกิจที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้สามารถกำหนดอัตราเงินเดือนค่าจ้างฯ ได้เองจำนวน 15 แห่ง ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งเป็นผู้พิจารณาปรับอัตราค่าจ้าง (ไม่เกินร้อยละ 5 ของอัตราค่าจ้างที่ได้รับ)
2) กลุ่มที่ 2 รัฐวิสาหกิจที่ใช้บัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนเป็นของตนเอง จำนวน 9 แห่ง ซึ่งบางแห่งได้ขอปรับปรุงโครงสร้างเงินเดือนโดยพิจารณารวมค่างานไว้ด้วยแล้ว ทำให้อัตราค่าตอบแทนใกล้เคียงกับค่าตอบแทนตลาด ให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจเป็นผู้พิจารณาปรับเพิ่มได้ไม่เกินร้อยละ 5 ของอัตราค่าจ้างที่ได้รับ โดยให้คำนึงถึงการปรับค่าจ้างครั้งที่ผ่านมา สถานะทางการเงิน ผลการประกอบกิจการ การประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ภายในองค์กร เพื่อให้ครอบคลุมรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นและไม่ให้มีผลกกระทบให้รายได้ลดลงเพราะการเพิ่มค่าตอบแทน ทั้งนี้ ควรให้คงสัดส่วนของรายจ่ายด้านบุคลากรต่อรายได้ให้คงอยู่ในอัตราเดิม โดยไม่เป็นการผลักภาระให้ประชาชน และไม่กระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกระทรวงการคลังในการนำรายได้ส่งคลังแผ่นดิน
3) กลุ่มที่ 3 รัฐวิสาหกิจที่ใช้บัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนค่าจ้าง 58 ขั้น จำนวน 40 แห่ง ซึ่งมีโครงสร้างเงินเดือนใกล้เคียงกับภาคราชการ ให้ปรับในอัตราร้อยละ 5 ของอัตราค่าจ้างที่ได้รับเช่นเดียวกับภาคราชการ
2. เมื่อรัฐวิสาหกิจแห่งใดได้ปรับอัตราค่าจ้างดังกล่าว แล้วให้ส่งบัญชีโครงสร้างเงินเดือนที่มีการปรับอัตราค่าจ้างและแจ้งข้อมูลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากการปรับค่าจ้างให้คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ทราบเพื่อประโยชน์ในการบริหารค่าจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งระบบต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 มีนาคม 2549--จบ--