Share โลกเศรษฐกิจ: COVID-19...กับปัญหาหนี้แฝดในเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 1, 2020 13:21 —ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า

นับเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้วที่โลกเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่กำลังก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเป็นวงกว้างทั่วโลก โดยล่าสุดธนาคารโลก (World Bank) คาดว่าวิกฤตครั้งนี้จะทำให้เศรษฐกิจโลกปี 2563 หดตัว 5.2% และสร้างความเสียหายต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) ในช่วงทศวรรษ 1930

สิ่งที่รัฐบาลของทุกประเทศต่างเร่งทำในช่วงที่ผ่านมาคือ การอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการทางการเงินและการคลังเพื่อประคับประคองและเยียวยาเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม จากการแพร่ระบาดที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและคาดว่าจะยืดเยื้อไปอีกสักระยะ ทำให้เริ่มมีความกังวลว่าหลายประเทศอาจไม่สามารถทนทานต่อวิกฤตที่ยืดเยื้อยาวนานได้ โดยล่าสุด IMF และ World Bank ได้แสดงความกังวลต่อประเทศตลาดเกิดใหม่ที่กำลังเผชิญ “วิกฤตหนี้แฝด”

“หนี้แฝด” ในที่นี้หมายถึง “หนี้สาธารณะ” และ “หนี้ต่างประเทศ” โดยประเทศตลาดเกิดใหม่หลายประเทศกำลังเผชิญวิกฤตหนี้สาธารณะ สะท้อนจากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ภาครัฐเผชิญกับข้อจำกัดในการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลัง รวมถึงการกู้ยืมเงินเพื่อดำเนินนโยบายด้านสาธารณสุขในการรับมือกับโรคระบาด ขณะเดียวกัน ก็เผชิญกับวิกฤตหนี้ต่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งกำลังกลายเป็นประเด็นที่กำลังถูกจับตามอง เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้กระทบต่อภาคเศรษฐกิจต่างประเทศ ทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยวของทุกประเทศอย่างรุนแรงจนกระทบต่อรายรับในรูปเงินตราต่างประเทศ อันจะส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ต่างประเทศ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และเป็นข้อจำกัดในการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศเพิ่มเติมในอนาคต ทั้งนี้ หากพิจารณาข้อมูลล่าสุด พบว่า มีตลาดเกิดใหม่หลายประเทศที่กำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 ขณะเดียวกัน ก็กำลังเผชิญปัญหาหนี้แฝดควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะบราซิล อินเดีย อียิปต์ และอาร์เจนตินา ซึ่งประเทศเหล่านี้มีความเสี่ยงที่อาจเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงหากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังยืดเยื้อและไม่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม ในตลาดเกิดใหม่บางประเทศที่แม้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ในระดับสูง อาทิ ประเทศในกลุ่ม OPEC+ อย่างรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย แต่ด้วยฐานะการเงินและการคลังค่อนข้างมีเสถียรภาพ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงน้อยกว่าประเทศข้างต้น เช่นเดียวกับไทยที่แม้ว่าจะพึ่งพารายได้จากภาคการท่องเที่ยวในระดับสูงจนทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง แต่ด้วยมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ดี สะท้อนจากการจัดอันดับ Global COVID-19 Recovery Index ที่ไทยเป็นประเทศฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากออสเตรเลีย และพื้นฐานทางเศรษฐกิจทั้งด้านการเงินและการคลังที่เข้มแข็งทำให้เศรษฐกิจไทยยังมีแรงต้านทานกับสถานการณ์ในปัจจุบันได้อย่างน่าพอใจ

ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศตลาดเกิดใหม่และยังไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดในเร็ววันนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องติดตามสถานการณ์และคอยประเมินความเสี่ยง รวมทั้งบริหารจัดการต้นทุนและสภาพคล่องอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งวางแผนพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กับความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงไป เพื่อเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันในโลกยุคหลัง COVID-19 ให้ได้ต่อไป

Disclaimer : ข้อมูลต่าง ๆ ที่ปรากฏ เป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด

ที่มา: ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เดือนมิถุนายน 2563


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ