การค้าระหว่างประเทศของสิงคโปร์ ปี 2553 และคาดการณ์เศรษฐกิจ ปี 2554

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 7, 2011 15:29 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. การค้าระหว่างประเทศของสิงคโปร์

การค้าระหว่างประเทศของสิงคโปร์ปี 2553 มีมูลค่ารวม 661,578.72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.67 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งสิงคโปร์นำเข้าจากทั่วโลกรวมมูลค่า 310,393.72 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.64 และสิงคโปร์ส่งออกไปยังทั่วโลกรวมมูลค่า 351,185.0 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.53 โดยไทยเป็นประเทศคู่ค้านำเข้าอันดับที่ 9 และประเทศคู่ค้าส่งออกอันดับที่ 10 ทั้งนี้ ประเทศคู่ค้านำเข้าและส่งออก 10 อันดับแรก พร้อมมูลค่า อัตราการเพิ่มขึ้น/ลดลง และส่วนแบ่งตลาด ดังนี้

                สิงคโปร์นำเข้า ปี 2553                                สิงคโปร์ส่งออก ปี 2553
     ประเทศ         มูลค่า US$Mil   เพิ่มขึ้น%   ส่วนแบ่ง        ประเทศ       มูลค่า US$Mil   เพิ่มขึ้น%   ส่วนแบ่ง
1.มาเลเซีย             36,296.01    27.64    11.69    1.มาเลเซีย          41,887.93    35.9     11.93
2.สหรัฐฯ               34,848.00    22.26    11.23    2.ฮ่องกง            41,130.17    32.07    11.71
3.จีน                  33,622.55    30.04    10.83    3.จีน               36,280.06    38.33    10.33
4.ญี่ปุ่น                 24,394.18    30.63    7.86     4.อินโดนีเซีย         32,991.42    26.68    9.39
5.ไต้หวัน               18,510.48    44.85    5.96     5.สหรัฐฯ            22,641.27    29.15    6.45
6.เกาหลีใต้             17,979.09    28.5     5.79     6.ญี่ปุ่น              16,378.53    33.73    4.66
7.อินโดนีเซีย            16,822.21    18.37    5.42     7.เกาหลีใต้          14,336.38    14.39    4.08
8.ซาอุดิอาระเบีย         11,218.97    38.78    3.61     8.อินเดีย            13,275.66    43.71    3.78
9.ไทย                 10,268.03    25.36    3.31     9.ไต้หวัน            12,791.73    47.58    3.64
10.อินเดีย              9,216.09     64.26    2.97     10.ไทย             12,676.03    26.1     3.61

ในปี 2553 เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว หลังจากที่ได้รับสภาวะถดถอยในปี 2552 ซึ่งสิงคโปร์ได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากสิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติและการขยายตัวของเศรษฐกิจต้องพึ่งพาการนำเข้าเพื่อนำมาเพิ่มมูลค่าแล้วส่งออก ทั้งนี้ ในปี 2553 สิงคโปร์นำเข้าจากประเทศต่างๆทั่วโลกเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.64 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีการนำเข้าเพิ่มมากขึ้นจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะนำเข้าเพิ่มขึ้นมากจากประเทศเหล่านี้

1) เม็กซิโก เพิ่มขึ้นร้อยละ 112.56

2) สวิสเซอร์แลนด์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 83.85

3) ฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 78.61

4) เนเธอร์แลนด์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 68.44

5) อินเดีย เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.26

6) อิหร่าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.20

7) ไต้หวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.85

อนึ่ง สิงคโปร์นำเข้าลดลงจากประเทศเวียดนาม (ร้อยละ -29.13) ออสเตรเลีย (ร้อยละ -13.47) นอรเวย์ (ร้อยละ -12.73) ฝรั่งเศส (ร้อยละ -11.46) และคูเวต (ร้อยละ -4.0)

2. การเติบโตเศรษฐกิจของสิงคโปร์ ปี 2553

(1) กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ (17 กพ. 54) ได้ประกาศการเติบโตเศรษฐกิจสิงคโปร์ปี 2553 ร้อยละ 14.5 โดยการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมสำคัญๆ(เทียบกับปีก่อนหน้า) ได้แก่ (1) ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.7 เนื่องจากการขยายตัวของกลุ่ม Biomedical เป็นสำคัญ (2) ภาคการก่อสร้าง ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 โดยมีโครงการอาคารอุตสาหกรรมและอาคารพาณิชย์หลายโครงการ (3) ภาคธุรกิจบริการ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 โดยกลุ่มการค้าส่งและการค้า-ปลีก ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.1 กลุ่มการขนส่งและคลังสินค้า ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 กลุ่มการโรงแรมและภัตตาคาร ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 ส่วนกลุ่มการบริการด้านการเงินและด้านธุรกิจ ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.2 และ 5.9 ตามลำดับ โดยมีรายละเอียดอัตราการเติบโตแบ่งตามภาคอุตสาหกรรม ปี 2552-2553 ดังนี้

อัตราการเติบโตแบ่งตามภาคอุตสาหกรรม (Sectoral Growth Rates) ปี 2552-2553

Sector                                  4Q52    2552     1Q53    2Q53     3Q53     4Q53    2553

Year-on-Year %

TOTAL                                    4.6    -0.8     16.4    19.4     10.5       12    14.5
Goods Producing Industries               4.2    -1.4     31.3    38.5     12.4     20.2      25
    Manufacturing                        2.4    -4.2     37.2    45.2     13.7     25.5    29.7
    Construction                        14.9    17.1      9.7    11.4      6.7       -2     6.1
Services Producing Industries            4.6    -0.7     11.1    12.1     10.2      8.8    10.5
    Wholesale & Retail Trade             3.5    -0.6     16.9    18.9     14.4     10.8    15.1
    Transport & Storage                 -1.6    -0.9      6.6     8.5      5.2      3.8       6
    Hotels & Restaurants                 2.1    -1.6      7.2    12.5      8.2      7.5     8.8
    Information & Communication          0.7     1.0      2.2     2.9      3.4      2.9     2.9
    Financial Services                  12.2     4.3     18.9     9.9      9.7     10.9    12.2
    Business Services                    4.4     4.3      6.1     7.1        6      4.5     5.9
    Other Services Industries              6     5.2        7    17.2       17     15.7    14.3

Quarter-on-Quarter Annualized Growth % (SA)

TOTAL                                   -1.5    -0.8     39.9    29.7    -16.7      3.9    14.5
Goods Producing Industries             -24.3    -1.4    123.2    66.9    -43.2     -0.4      25
    Manufacturing                      -32.7    -4.2    170.5    79.2    -48.2      0.7    29.7
    Construction                          28    17.1       -7    21.2     -9.6    -10.2     6.1
Services Producing Industries           10.9    -0.7     15.8    14.5      0.5      5.6    10.5
    Wholesale & Retail Trade            17.9      -6     30.8    11.6        0      3.7    15.1
    Transport & Storage                  9.5      -9      4.3      13     -4.5      2.9       6
    Hotels & Restaurants                 7.2    -1.6     11.3      19     -3.7      4.6     8.8
    Information & Communication          1.1       1      0.3     6.5      5.2     -0.4     2.9
    Financial Services                  11.7     4.3     25.6     4.6     -1.4     16.9    12.2
    Business Services                    8.5     4.3      7.9     5.6      2.1      2.8     5.9
    Other Services Industries            7.8     5.2      7.7    52.5      5.8      3.2    14.3

ที่มา : Ministry of Trade and Industry, Singapore

(2) ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ ปี 2552-2553 ดังนี้

                                                  4Q52     2552     1Q53    2Q53    3Q53    4Q53     2553
Visitor Arrivals (y-o-y %)                         5.8     -4.3     19.6    25.7    20.3    15.9     20.2
Retail Sales Index at Constant Prices (y-o-y %)   -4.1     -9.3        1    -5.8    -1.9    -3.5     -2.5
Labour Productivity (y-o-y %)                      3.5     -3.4     13.9    15.3     6.2     7.8     10.7
Unemployment Rate, SA (%)                          2.3        3      2.2     2.2     2.1     2.2      2.2
Change in Employment (‘000)                       37.5     37.6     36.5    24.9    20.5    30.6    112.5
Overall Unit Labour Cost (y-o-y %)                -4.9      0.6     -7.8    -6.7     2.8     1.8     -2.7
Unit Business Cost of Manufacturing (y-o-y %)    -10.4     -5.9    -11.1    -6.9     2.8    -2.9     -4.9
Consumer Price Index (y-o-y %)                    -0.8      0.6      0.9     3.1     3.4       4      2.8
Fixed Asset Investment ($bil)                      1.9     11.8        3     4.6     2.6     2.7     12.9
Total Trade (y-o-y %)                              1.2    -19.4     26.9    27.8    17.9    12.2     20.7
    Exports                                        4.9      -18     28.2    29.1      20    14.5     22.4
      Domestic Exports                             7.8    -19.2     31.9    33.4    19.2    15.8     24.3
          Oil                                      6.9    -34.5     56.9      48     9.2    11.8     27.9
          Non-Oil                                  8.2    -10.6     23.1    27.6    23.7    17.6     22.8
       Re-exports                                  1.9    -16.6     24.5    24.6    20.9      13     20.5
    Imports                                       -2.7      -21     25.5    26.4    15.6     9.7     18.8

ที่มา : Ministry of Trade and Industry, Singapore

(3) อัตราเงินเฟ้อปี 2553

หน่วยงาน Monetary Authority of Singapore (MAS) ประกาศอัตราเงินเฟ้อ ปี 2553 ร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบกับปี 2552 (ร้อยละ 0.6) เนื่องจากการเพิ่มสูงขึ้นมากของค่าใช้จ่ายด้านการคมนาคมขนส่ง (+10.3%) การศึกษาและเครื่องเขียน(+2.7%) ที่พักอาศัย (+2.0%) และอาหาร(+1.4%) โดยตารางเปรียบเทียบดัชนีราคาผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อ แยกตามกลุ่มสินค้า ดังนี้

                              กลุ่ม          น้ำหนัก %        ดัชนีราคา    การเปลี่ยนแปลง อัตราเงินเฟ้อ %
                                   รวมทุกกลุ่ม  100      104.5    104.6     0.2     4.6     2.8
          อาหาร                               22        102    102.2     0.2     2.1     1.4
          เสื้อผ้า และ รองเท้า                     3      102.8     99.6    -3.1     0.1     0.5
          ที่พักอาศัย                             25      104.3    103.2    -1.1     5.1       2
          การคมนาคมขนส่ง                       16      113.4    116.3     2.6    12.8    10.3
          การโทรคมนาคม                         5         98     98.1     0.1     0.7    -2.2
          การศึกษา และ เครื่องเขียน                7      103.9    103.9       -     3.7     2.7
          การรักษาสุขอนามัย                       6      102.9    102.9       -     2.7     1.9
          การพักผ่อน และ อื่นๆ                    16      102.4    102.7     0.3     2.1     1.2
                      รวมทุกกลุ่ม ยกเว้นที่พักอาศัย   80      104.6    105.1     0.5     4.3     3.3

ที่มา : Singapore Department of Statistics

อัตราเงินเฟ้อ ปี 2547-2553

   ปี        ดัชนีราคาผู้บริโภค (2009=100)        อัตราเงินเฟ้อ (%)
  2547                 90                         1.7
  2548                90.4                        0.5
  2549                91.3                         1
  2550                93.2                        2.1
  2551                99.4                        6.6
  2552                 100                        0.6
  2553                102.8                       2.8

ที่มา : Singapore Department of Statistics

(4) ปัจจัยอื่นๆที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตเศรษฐกิจของสิงคโปร์ ปี 2553

(1) การส่งเสริมให้ไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะ :

  • การเข้าไปลงทุนในจีน ซึ่ง Mr. Goh Chok Tong, Senior Minister สิงคโปร์ ให้คำแนะนำแก่บริษัทขนาดเล็กของสิงคโปร์เพื่อการเข้าไปลงทุนในจีน ได้แก่ (1) ใช้สิทธิประโยชน์จาก China-Singapore Free Trade Agreement เพื่อลดค่าใช้จ่ายต้นทุน (2) ใช้ประโยชน์จาก Business Councils ที่มีสัมพันธไมตรีกับภาครัฐซึ่งดูแลมณฑลในจีน เพื่อลดความเสี่ยงการเริ่มต้นในการลงทุน และ (3) ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งของ Singapore-Chinese Business Association (SCBA) เพื่อช่วยเหลือและเพิ่มโอกาสในการลงทุนและดำเนินธุรกิจการค้าในจีนที่กำลังเติบโตอย่างมาก ทั้งนี้ ด้วยวัฒนธรรมและภาษาพูดที่คล้ายคลึงกัน รวมถึงสัมพันธไมตรีอันแน่นแฟ้นระหว่างสิงคโปร์กับจีน ซึ่งจีนเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 3 ของสิงคโปร์ อีกทั้ง บริษัทจีนตั้งอยูในสิงคโปร์มากกว่า 3,000 ราย โดย 160 บริษัท ขึ้นทะเบียนหุ้นกับ Singapore Exchange รวมถึงสิงคโปร์มีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาต่างๆในจีน เช่น Suzhou Industrial Park และ Tianjin Eco-City ทำให้คาดหวังว่า การเข้าไปลงทุนในจีนจะเป็นไปด้วยความสะดวกและมีความเสี่ยงน้อย
  • การขยายธุรกิจในอินโดนีเซียของธนาคารสำคัญ คือ ธนาคาร DBS, UOB และ OCBC ซึ่งมุ่งเน้นในด้านการให้ยืมเงินเป็นสำคัญ โดยธนาคาร DBS Indonesia และ OCBC NISP ได้รับความนิยมจากลูกค้าที่เป็นบริษัท และธนาคาร UOB Buana ได้รับความนิยมด้าน Consumer Banking และการบริการเครดิตการ์ด ทั้งนี้ ในปัจจุบัน แนวโน้มของเศรษฐีอินโดนีเซียจะเปลี่ยนจากการนำเงินสดเพื่อหาผลกำไรในต่างประเทศ เป็นการใช้บริการธนาคารในการจัดการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศให้เกิดรายได้แทน อนึ่ง กิจการและมูลค่าทรัพย์สินของธนาคารทั้ง 3 แห่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 มีดังนี้ 1) DBS Indonesia มีสาขา 40 แห่งใน 11 เมือง มูลค่าทรัพย์สิน 4.03 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เงินที่ให้กู้รวม 2.94 พันล้านเหรียญฯ 2) OCBC NISP มีสาขา 411 แห่ง ใน 62 เมือง มูลค่าทรัพย์สิน 6.03 พันล้านเหรียญฯ เงินที่ให้กู้รวม 3.78 พันล้านเหรียญฯ 3) UOB Buana มีสาขา 213 แห่ง ใน 29 เมือง มูลค่าทรัพย์สิน 5.6 พันล้านเหรียญฯ เงินที่ให้กู้รวม 3.92 พันล้านเหรียญฯ
  • การร่วมลงทุนกับบริษัทเวียดนาม ประมาณมูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 390 ล้านเหรียญสิงคโปร์) เพื่อทำการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยในเมืองโฮจิมินส์ โดยโครงการใหญ่ที่สุดคือ Gated Villa มูลค่า 115 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นความร่วมมือระหว่าง Keppel Land สิงคโปร์ กับ Tien Phuoc เวียดนาม สำหรับในโครงการอื่นๆ รวมถึงโครงการ 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ระหว่าง CapitaLand -สิงคโปร์ และ No Va Land Investment Group Corporation —เวียดนาม เป็นโครงการสำหรับผู้บริโภคระดับกลาง ทั้งนี้ ในปัจจุบัน สิงคโปร์เป็นประเทศอันดับ 5 ที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม มีเงินลงทุนประมาณ 17.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน 851 โครงการ ที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างศูนย์อุตสาหกรรม การพัฒนาท่าเรือ และการสร้างที่พักอาศัย สำหรับการค้ารวมระหว่างกันในปี 2551 มีมูลค่า 13.4 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ และเวียดนามเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 14 ของสิงคโปร์
  • การส่งเสริมการขยายธุรกิจไปยังอินเดียและรัสเซีย โดย International Enterprise (IE) Singapore จัดให้มีการอบรมภายใต้ Business Fellowship (iBF) Programme ซึ่ง IE ให้การสนับสนุนบริษัทที่สนใจเข้าร่วมการอบรม สำหรับค่าเข้าร่วมอบรมร้อยละ 70 และค่าตั๋วเครื่องบินร้อยละ 50 หัวข้อในการอบรมได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและแนวโน้มสังคม ระบบการเงิน กฎ/ระเบียบต่างๆ ลักษณะการทำงานของบุคคลากร การบริหารจัดการธุรกิจ ตลาดการค้าปลีก ประสบการณ์ของบริษัทที่ได้เข้าไปลงทุนแล้ว รวมถึงการเดินทางไปอบรมในอินเดีย (ระหว่างวันที่13-19 ตุลาคม 2553) และรัสเซีย (ระหว่างวันที่ 8-11 พฤศจิกายน 2553) ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก Tata Management Training Center (อินเดีย) และ Skolkovo Moscow School of Management : MSM (กรุงมอสโคว์, รัสเซีย)
  • การสร้างโรงงานผลิตน้ำใน UAE ของบริษัท Sembcorp Industries ซึ่งได้สัญญามูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดย Sembcorp Utilities ได้ลงนาม Memorandum of Understanding (MOU) กับ Abu Dhabi Water and Electricity Authority สร้างโรงงานผลิตน้ำที่จะเริ่มดำเนินการได้ในปลายปี 2558 โดยใช้ระบบการกรอง “reverse osmosis” ในการแยกเกลือและสารปนเปื้อนอื่นๆออกจากโมเลกุลน้ำ สามารถผลิตน้ำดื่มได้ 136.5 ลิตรต่อวัน และจำหน่ายให้ Abu Dhabi Water and Electricity Authority ภายใต้ข้อตกลง 20 ปี นอกจากนี้ บริษัทฯได้ลงทุนมูลค่า 1.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2549 สร้าง Fujairah 1 (โรงงานผลิตน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก) และโรงงานผลิตน้ำ Salalah, Oman
  • การขยายธุรกิจไปยังจีนและเวียดนาม ของบริษัท CapitaLand ในธุรกิจการก่อสร้างที่พักอาศัยในเขตชุมชนเมือง เงินลงทุนประมาณ 300-500 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ในการสร้างบ้านราคาพอสมควรจำนวน 50,000 หลัง บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดจีนและเวียดนาม และคาดว่า จะมีรายได้ประมาณ 2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์จากเวียดนามภายใน 3-5 ปีข้างหน้า สำหรับในตลาดจีน ทำรายได้คิดเป็นร้อยละ 35-45 ของธุรกิจบริษัทฯ ซึ่งมีโครงการสร้างบ้านจำนวน 16,000 หลัง โดยมีเป้าหมายการจำหน่ายปีละ 3,000 หลัง ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2553 สามารถจำหน่ายบ้านในเมืองคุนซาน ปักกิ่ง และเฉิงตู ได้ 1,200 หลัง

(2) การสร้างสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ ที่สำคัญ ได้แก่

  • สิงคโปร์กับดูไบ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ได้มีการลงนาม Memorandum of Understanding (MOU) ระหว่าง Maritime and Port Authority of Singapore และ Dubai Maritime City Authority (DMCA) ซึ่งทำให้ MPA and DMCA มีความร่วมมมือในการวางนโยบายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับท่าจอดเรือและการเดินเรือ นอกจากนี้ ครอบคลุมขอบเขตความร่วมมืออื่นๆ ได้แก่ การส่งเสริมการป้องกันสภาวะการเดินเรือ การจัดการฝึกอบรมและค้นคว้าเกี่ยวกับการเดินเรือ ทั้งนี้ MPA ได้ทำงานร่วมกับ United Arab Emirates ส่งเสริมความปลอดภัยการเดินทางทะเล และปกป้องสภาวะการเดินทะเลใน Straits of Malacca และ Singapore (SOMS) ด้วย
  • สิงคโปร์กับ Mauritius ได้ลงนาม Air Services Agreement (ASA) โดยผู้ลงนามคือ Mr. Lee, Yuen Hee, Deputy Secretary (International) for Ministry of Transport ของสิงคโปร์ และ Mr. Suresh Chundre Seeballuck, Secretary to the Cabinet and Head of Civil Service ของ Mauritius ข้อตกลงนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นด้าน Civil Aviation ระหว่างสิงคโปร์กับ Mauritius ให้สามารถดำเนินการเที่ยวบินบริการขนส่งสินค้าอย่างยืดหยุ่น และการบริการผู้โดยสารจำนวน 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ระหว่าง 2 ประเทศและปลายทางอื่นๆที่ทั้ง 2 ประเทศมีข้อตกลง นอกจากความร่วมมือระหว่างกันด้านการบิน/พัฒนาเครือข่ายการบินแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยวด้วย
  • สิงคโปร์กับ United Kingdom (UK) มีสัมพันธไมตรีต่อกันมาช้านาน UK เป็นอันดับ 2 ที่ลงทุนและมีบริษัทมากกว่า 2,900 แห่งในสิงคโปร์ ที่สำคัญๆ ได้แก่ Glaxo SmithKline (GSK), Rolls-royce, Shell Group, Barclays, Diageo, Standart Chartered Bank, HSBC, BP และ Royal Bank of Scothland สำหรับสิงคโปร์เข้าไปลงทุนใน UK มูลค่า 25.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ (2551) บริษัทสำคัญได้แก่ SembCorp, ComfortDelgro และ Singapore Technologies ทั้งนี้ UK เป็นประเทศคู่ค้าของสิงคโปร์อันดับที่ 15 การค้ารวมระหว่างกันมีมูลค่า 13.7 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ (คิดเป็นเกือบร้อยละ 16 ของการค้ารวมของสิงคโปร์กับ EU) และสิงคโปร์กับ UK ตั้งเป้าหมายในความร่วมมือทวิภาคีในด้านต่างๆในอนาคต ได้แก่ การผลิตสินค้ากลุ่ม Transport Engineering ได้แก่ Aerospace, Energy and Chemical, Pharmaceuticals & Biomedical Sciences และความร่วมมือ FTA ( EU-Singapore FTA : EUSFTA)

(3) การส่งเสริม R&D และธุรกิจเกี่ยวกับ Clean Energy ได้แก่

  • ภาครัฐสนับสนุน R&D ช่วงปี 2554-2558 ได้กำหนดวงเงินไว้ 16.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากมูลค่า 13.6 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ที่ให้การสนับสนุนในช่วงปี 2549-2553 โดยเชื่อว่า R&D จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัว มีความสำเร็จมั่นคงในระยะยาว และยกระดับให้สิงคโปร์เป็นประเทศเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความรู้และการสร้างสรร รวมถึงมีผลต่อไปยังด้านทรัพย์สินทางปัญญา ให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่สามารถแข่งขันทางการค้า มีระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมสูงเพื่อโอกาสการเปิดตัวสินค้าใหม่ในตลาดนานาชาติ ปัจจุบันความต้องการของโลกหันมาสู่เอเชีย ดังนั้น การมีศักยภาพและประสิทธิภาพด้าน R&D จะส่งให้สิงคโปร์สามารถเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติที่หันเหสู่ตลาดเอเชียให้เข้ามาลงทุน R&D ในสิงคโปร์มากขึ้นต่อไป
  • การสนับสนุน Biomedical Sciences R&D ซึ่ง Biomedical Sciences (BMS) Executive Committee ได้จัดสรรเงิน 3.7 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เพื่อการค้นคว้าวิจัยในช่วงปี 2554-2558 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากช่วงปี 2549-2553 ผลผลิต BMS ในปี 2552 มูลค่า 21 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า ของมูลค่า 6.3 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ในปี 2543 และในส่วนของการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็น 13,000 อัตรา จากเดิมจำนวน 6,000 อัตรา ในปัจจุบัน บริษัท Biomedical Sciences จากทั่วโลกมากกว่า 100 ราย จัดตั้งสำนักงานในสิงคโปร์ ที่สำคัญได้แก่ Abbott, GlaxoSmithKline, Merck Sharp & Dohme, Pfizer, Roche, Becton Dickinson, Medtronic, Siemens และ Hill-Rom
  • การส่งเสริมตลาดการค้าสินค้าคาร์บอนในสิงคโปร์ให้มีการเติบโตขึ้น โดยมีบริษัทใหม่ๆจัดตั้งสำนักงานขึ้นในสิงคโปร์ เพื่อการค้าคาร์บอนในเอเชีย เนื่องจากสิงคโปร์เป็นศูนย์การเงินนานาชาติสำคัญ จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ค้า ได้แก่ Tricorona และ Gazprom เป็นผู้ค้าคาร์บอนชั้นนำของโลกตั้งสำนักงานในสิงคโปร์ ถึงปัจจุบัน มีผู้ค้าคาร์บอน 30 บริษัทในสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นจาก 2-3 รายเมื่อ 2-3 ปีก่อน ตลาดการค้าคาร์บอนทั่วโลกได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว การเติบโตในปี 2551 มีมูลค่า 90 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 163 พันล้านเหรียญสิงคโปร์) คาดว่า ในปี 2563 จะเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่า 1.2 ล้านล้านปอนด์ สำหรับสิงคโปร์ภาครัฐส่งเสริมอุตสาหกรรมดังกล่าวโดยให้การสนับสนุนบริษัทด้านค่าใช้จ่ายการพัฒนาข้อมูลสำหรับ Carbon Credit Projects ที่ได้รับประทับตราจาก United Nations ภายใต้ Clean Development Mechanism (CDM) Scheme รวมถึงให้ผู้ค้าคาร์บอนในสิงคโปร์ได้รับการลดหย่อนภาษีอีกด้วย
  • การจัดตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อ Clean Energy ของสิงคโปร์ ใช้ชื่อว่า ERI@N (Energy Research Institute @ Nanyang Technological University (NTU) เพื่อทำการศึกษาวิจัยในภาคที่ส่งเสริมให้เศรษฐกิจเติบโตและรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ การลงทุนด้านพลังงานของบริษัทสำคัญๆ ดังนี้
  • Temasek ลงทุนด้านพลังงาน โดยการจัดซื้อหุ้นบริษัทพลังงานในประเทศต่างๆ ได้แก่ (1) บราซิล : บริษัท Odebrecht Oil and Gas (OOG) มูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (2) สหรัฐฯ : บริษัท Chesapeake Energy Corp มูลค่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ (3) อินเดีย : บริษัท GMR Energy มูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ Solar power, electric vehicles และ smart power grids รวมถึง Energy materials, wind energy และ sustainable buildings ซึ่งจะได้รับเงินทุนสนับสนุน 200 ล้านเหรียญสิงคโปร์จากหลายหน่วยงาน ได้แก่ Economic Development Board (EDB), National Research Foundation (NRF) และ Agency for Science, Technology and Research (A*Star) ทั้งนี้ ERI@N จะทำการศึกษาวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง 6 แห่ง คือ Austrian Institute of Technology, Ecole Poly-technique Federale de Lausanne (Switzerland), Imperial College London, University of Science and Technology (Norway), University of Cambridge และ Technical University of Munich เพื่อแก้ไขปัญหาพลังงานทั้งของสิงคโปร์และทั่วโลก
  • การส่งเสริม Biofuel ทำจากน้ำมันพืช ไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็น renewable resource และราคาถูกกว่า (ราคา 1.07 เหรียญสิงคโปร์/ลิตร) commercial diesel (ราคา 1.30 เหรียญสิงคโปร์/ลิตร) ในปัจจุบัน มี 2 บริษัท ลงทุนในการผลิต Biofuel คือ บริษัท Alpha Biofuels สามารถผลิตได้ 2.4 ล้านลิตรต่อปี มีลูกค้า ได้แก่ Smart Taxis, SingTel และ Starbucks และบริษัท Fuelogical สามารถผลิตได้ประมาณ 17 ล้านลิตรต่อปี
  • การส่งเสริม Electric Vehicle (EV) หน่วยงาน Energy Market Authority (EMA) และ Land Transport Authority (LTA) ได้แต่งตั้งบริษัท Robert Bosch (SEA) Pte. Ltd. (“Bosch”) เพื่อออกแบบ พัฒนา เตรียมพร้อมในการดำเนินการและซ่อมบำรุงสถานีเติมพลังงานแก่ EV นับเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการพัฒนา EV ซึ่งสิงคโปร์เป็นแห่งแรกนอกเยอรมันในการทดสอบระบบสถานีเติมพลังงานที่ผลิตและสร้างโดย Bosch โดยในครั้งแรกจะใช้กับรถยนต์ Mitsubishi i-MiEVs ที่จะพร้อมใช้ในปี 2554 เพื่อส่งเสริมให้มีการคมนาคมทางถนนมีความสอาดกว่า และลดสารคาร์บอน ทั้งนี้ Bosch จะสร้างสถานีธรรมดาเติมพลังงานจำนวน 25 แห่ง (เติมเต็มใช้เวลา 8 ชั่วโมง) และสถานีด่วนจำนวน 1 แห่ง (เติมเต็มใช้เวลา 45 นาที) ส่งเสริมให้สิงคโปร์เป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด ทั้งนี้ บริษัทที่เข้าร่วมโปรแกรมการพัฒนา EV สามารถยื่นขอการลดหย่อนภาษี Additional Registration Fees (ARF), Certificate of Entitlement (COE), Road tax และ Excise duty ได้เป็นระยะเวลา 6 ปี

(4) นอกจากนี้ สิงคโปร์มุ่งเน้นให้เป็นเมืองที่ดีขึ้นและมีรายได้สูงขึ้นภายในปี 2560 โดยตั้งเป้าหมายให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดของโลก และให้เป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกของโลก เช่นเดียวกับ Zurich, Vienna, Vancouver และ Munich ในปัจจุบันสิงคโปร์ได้รับอันดับที่ 28 จากการสำรวจของ Mercer (Human Resource Consulting Firm) สำหรับรายได้เฉลี่ย ตั้งเป้าหมายให้มีอัตราเพิ่มขึ้นอีก 1/3 ภายใน 10 ปีข้างหน้า ปัจจุบันรายได้เฉลี่ยประมาณ 2,400 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน หากสิงคโปร์ทำให้ประเทศมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 3,100 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือนในระยะ 10 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ สาขาต่างๆที่สามารถส่งเสริมให้มีการเติบโต ได้แก่ การสร้างเมืองทันสมัย การบริหารจัดการน้ำ การให้บริการแก่กลุ่มชนรายได้ปานกลางในภูมิภาคในด้านการรักษาสุขภาพ-การท่องเที่ยว-การศึกษา-การพักผ่อนหย่อนใจและการเงิน ทั้งนี้ ภาครัฐได้จัดตั้ง Economic Strategies Committee (ESC) ทำการศึกษาและเสนอข้อคิดเห็นในการสร้างให้ประเทศมีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ซึ่งได้เสนอให้ส่งเสริมความ สามารถในการผลิตให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 2-3 ต่อปี (จากเดิมร้อยละ 1)

3. การส่งเสริมให้สิงคโปร์มีการเติบโตก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในอนาคต

กระทรวงการคลังสิงคโปร์ประกาศเป้าหมายสำคัญ 6 ประการเพื่อส่งเสริมให้ประเทศเติบโตก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในอนาคต สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

1) Economic growth that sustainable : โดยบ่งชี้ภาคอุตสาหกรรมสำคัญที่ทำให้เกิดการเติบโต การสร้างโอกาสการจ้างงาน และพัฒนาบุคคลากรให้สามารถแข่งขันได้กับนานาชาติ

2) Having a strong social security framework : ให้ความมั่นใจเสถียรภาพด้านการเงิน ส่งเสริมและพัฒนาการรักษาสุขอนามัยและที่พักอาศัยซึ่งประชากรสามารถจ่ายได้โดยไม่มีความลำบาก

3) A world-class environment and infrastructure : ให้เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาของโลก การคมนาคมขนส่งสะดวกและสภาวะแวดล้อมรักธรรมชาติ

4) A Singapore that is secure and influential : การเตรียมพร้อมสำหรับช่วงวิกฤตต่างๆ และสร้างให้มีความเป็นอยู่ที่ดี

5) Having strong families, cohesive society : ให้มีการศึกษาที่ได้ระดับนานาชาติ ให้ความสำคัญต่อประชากร

6) Effective government : สร้างบุคคลากรให้เป็นผู้นำ ควบคุมมวลชนให้ตั้งอยู่ในความสงบและปราศจากอาวุธ ปราบการคอร์รัปชั่น เจ้าหน้าที่ภาครัฐปฏิบัติงานด้วยความตั้งใจและสุจริต การใช้เครือข่ายข้อมูลให้เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

4. คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ ปี 2554

หน่วยงาน Monetary Authority of Singapore (MAS) ได้คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ ปี 2554 โดยจัดเป็น 2 ประเภท คือ

1) การคาดการณ์โดยใช้ระบบการคิดที่ไม่รวมถึงราคาที่พักอาศัยและรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อ ปี 2554 จะยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากคาดการณ์เดิม ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 2.0-3.0

2) การคาดการณ์โดยรวมถึงราคาที่พักอาศัยและรถยนต์ส่วนตัว จะทำให้อัตราเงินเฟ้อ ปี 2554 ปรับเปลี่ยนจากร้อยละ 2.0-3.0 เป็น ร้อยละ 3.0-4.0 ทั้งนี้ คาดว่า ในช่วง 2-3 เดือนแรกของปี 2554 อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.0-6.0 และหลังจากนั้น อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับปานกลางจนถึงในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2554 ทำให้คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ ปี 2554 เป็น ร้อยละ 3.0-4.0

(ทั้งนี้ สิงคโปร์ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ แทนการใช้อัตราดอกเบี้ย)

5. คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจสิงคโปร์ ปี 2554

กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์คาดหวังว่า การเติบโตเศรษฐกิจสิงคโปร์ ปี 2554 ยังคงอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจาก (1) การสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและระดับการเติบโตที่มั่นคงของเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนา ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสิงคโปร์ (2) ในภูมิภาคเอเชีย ความต้องการสินค้าภายในภูมิภาคจะส่งผลดีต่อการค้า Intra-regional ให้มีความคล่องตัวและส่งผลประโยชน์โดยตรงต่อกลุ่มการค้าส่งของสิงคโปร์ (3) นักท่องเที่ยวเยือนสิงคโปร์มีจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศเศรษฐกิจสำคัญในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นตัวสนับสนุนให้สิงคโปร์มีการเติบโตของกลุ่มธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว (4) ปัจจัยจากการค้าภายในประเทศ ได้แก่ การขยายกำลังการผลิตของสินค้าอิเล็คทรอนิกส์และ Biomedical ที่จะเป็นตัวสำคัญส่งเสริมให้มีการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมการผลิตในปี 2554

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงสำคัญยังคงมีอยู่ 3 ประการ คือ (1) การที่เศรษฐกิจ EU ยังมีความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินที่ยังคงคาราคาซังอยู่ (2) ปัญหาอัตราเงินเฟ้อในเอเชีย อาจจะทำให้เกิดนโยบายการคลังที่เคร่งครัดขึ้นอีก และ (3) ปัญหาแรงงานขาดแคลน

ดังนั้น จากปัจจัยสำคัญ 3 ประการดังกล่าว ทำให้กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจสิงคโปร์ ปี 2554 เป็นร้อยละ 4.0-6.0 ทั้งนี้ ตารางแสดงอัตราคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจสิงคโปร์ ปี 2554 ดังนี้

คาดการณ์การเติบโต GDP และ CPI ของสิงคโปร์ ปี 2554

  Key Macroeconomic Indicators     Sep 10 Survey    Current Survey
     Year-on-Year % Change            Median            Median        Mean    Min    Max
               GDP                       5               5.1          5.2      4      6
               CPI                      2.5              2.9          2.8     2.1    3.4

คาดการณ์การเติบโต ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญของสิงคโปร์ ปี 2554

             Key Macroeconomic Indicators                   Median    Mean     Min     Max
Year-on-Year % Change (unless otherwise stated)
GDP                                                            5.1     5.2     4.0     6.0
Manufacturing                                                  5.6     5.2     0.3    11.2
Financial Services                                             7.5     7.1     4.5    10.0
Construction                                                   5.0     5.0    -0.3     8.2
Wholesale & Retail Trade                                       5.5     6.3     3.9    13.0
Hotels & Restaurants                                           6.3     7.1     2.8    12.1
Private Consumption                                            5.0     5.0     2.9     7.2
Non-oil Domestic Exports                                      12.0    11.1     2.0    18.0
CPI                                                            2.9     2.8     2.1     3.4
Unemployment Rate (end-period, SA %)                           2.0     2.0     1.6     2.6
Exchange Rate (end-period, S$ per US$)                         1.2     1.2     1.2     1.3
3-month US$ SIBOR (end-period, % per annum)                    0.5     0.7     0.3     1.6
3-month S$ Interbank Rate (end-period, % per annum)            0.7     0.7     0.4     1.3
Bank Loans (end-period, % growth)                              8.0     8.3     4.0    12.8

ที่มา : Ministry of Trade and Industry, International Enterprise Singapore,

The Business Times & The Straits Times

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ สิงคโปร์

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ