รายงานผลการเดินทางไปสำรวจตลาดและพบผู้นำเข้าในประเทศกรีซ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๔

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 25, 2011 15:07 —กรมส่งเสริมการส่งออก

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรมได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๔ ในโอกาสที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเอเธนส์ร่วมกับโรงแรม Astir Palace จัดกิจกรรมเทศกาลอาหารไทย (Thai Food Festival) เพื่อประชาสัมพันธ์อาหารไทยในระหว่างวันที่ ๑๐ - ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๔ และสำรวจตลาดทำความรู้จักกับหน่วยงานด้านการค้าทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อแสวงหาโอกาสและความร่วมมือในการขยายตลาดการค้าและการลงทุนในประเทศกรีซต่อไป ผลการเดินทาง

สคร. โรมขอสรุปผลรายงานการเดินทางไปปฏิบัติราชการดังกล่าว สรุปได้ดังนี้

๑. สอท.เอเธนส์ ได้ให้ข้อมูลในภาพรวมว่า คนกรีกที่มีฐานะจะรู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดี เนื่องจากเคยไปท่องเที่ยวในไทย มีสายการบินไทยบินตรงอาทิตย์ละ 3 เที่ยว ส่วนคนไทยในกรีซมีจำนวน ๕๐๐ คน ส่วนใหญ่เป็นหญิงไทยที่สมรสกับชาวกรีก นักเรียนและแรงงานไทย

ในเอเธนส์มีร้านอาหารไทยมีแค่ ๒-๓ ร้าน โดยมีเจ้าของเป็นคนไทยเพียงร้านเดียวชื่อ ร้านสิริไทย ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือ ส่วนร้าน Royal Thai มีเจ้าของเป็นมาเลเซียมีการตกแต่งร้านที่หรูหรา แต่รสชาดอาหารยังไม่เป็นไทยแท้ และเพิ่งมีร้านอาหารไทยที่เปิดในลักษณะบาร์ มีพ่อครัวเป็นชาวกรีกซึ่งเดินทางไปอบรมทำอาหารไทยในเมืองไทยสามารถทำอาหารได้รสชาดที่ดีเหมือนคนไทยทำ โดยเฉพาะแกงเขียวหวาน ยำเนื้อ สคร.โรม ได้ให้ข้อมูลเรื่องโครงการ Thai Select ว่าขณะนี้กรมฯ กำลังทบทวนการให้ตราสัญญลักษณ์ดังกล่าวแก่ร้านอาหารไทยในต่างประเทศ และจะแจ้งให้ทราบเพื่อในอนาคตสอท.เอเธนส์จะได้ช่วยประชาสัมพันธ์ตราดังกล่าวด้วย

ส่วนธุรกิจนวดสปาไทยกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก มีการเปิดธุรกิจดังกล่าวมากขึ้นอีกหลายแห่งและมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาชาวกรีกเนื่องจากส่วนใหญ่จะอยู่ในโรงแรมระดับ ๕ ดาว ไม่มีการเปิดแบบร้านเล็กๆ เหมือนที่ประเทศมอลต้า (สอท. เอเธนส์ดูแลเขตอาณาประเทศมอลต้าเช่นเดียวกันกับสคร.โรมด้วย) ขณะนี้กำลังจัดทำรายชื่ออยู่ ซึ่งสคร.โรมได้ขอรับรายชื่อดังกล่าวเมื่อจัดทำเสร็จด้วย

กิจกรรมเทศกาลอาหารไทยของโรงแรม Astir Palace ซึ่งได้จัดกิจกรรมดังกล่าวมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมาและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้จัดงานอีกครั้งในปีนี้ ระหว่างวันที่ ๑๐-๒๐ มีนาคม ๒๕๕๔ โรงแรมดังกล่าวเป็นโรงแรมระดับ ๕ ดาว ตั้งอยู่ริมทะเลห่างจากตัวเมืองเอเธนส์ไปประมาณ ๔๕ นาที ลักษณะการจัดคือ ใส่เมนูอาหารแบบ A la carte เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารได้ตามที่ต้องการ เช่น ส้มตำ ฉู่ฉี่ปลาแซลมอน ผัดหอยลายน้ำพริกเผา เป็นต้น ทั้งนี้ในส่วนของแม่ครัวเป็นการแลกเปลี่ยนแม่ครัวตามข้อตกลงของโรงแรมที่ทำไว้กับโรงแรม Royal Orchid Sheraton ในเมืองไทย สคร.โรมได้เสนอแนะให้มีการประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยด้วยในโอกาสหน้า อย่างไรก็ดีสอท.เอเธนส์แจ้งว่า ในขณะนี้ทางโรงแรมสนใจจัดเทศกาลลอยกระทงในช่วงเดือนตค. - พย. ๒๕๕๔ อีกด้วย และกำลังหารือกับสอท.ในการวางแผนการจัดงานและขอรับการสนับสนุนในส่วนที่เกี่ยวข้อง

๒. การเยี่ยมพบบริษัท Alfa-Beta Vassilopoulos SA. ผู้บริหารซุปเปอร์มาร์เก็ต AB Supermarket ซึ่งอยู่ในเครือของ Delhaize Group SA. จากประเทศเบลเยี่ยมที่เข้าถือหุ้น ๕๑% ของบริษัท AlfaBeta ในปี ๑๙๙๒ ทั้งนี้มีเครือข่ายอยู่ในหลายประเทศได้แก่ เบลเยี่ยม ลักเซมเบอร์ก เยอรมัน กรีซ โรมาเนีย สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย โดยในประเทศกรีซมีร้านค้าทั้งสิ้น ๒๕๒ ร้านในปี ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตในกรีซที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก Carrefour และมีมูลค่าการค้ามากเป็นอันดับที่ ๕ ของผู้ค้าปลีกในกรีซ

Mr. Vasileios Vrettas (Junior Category Manager, Canned Food Sec.) และ Ms. Dora Katifori (Junior Category Manager, Ethnic Food Sec.) ให้ข้อมูลว่า AB Supermarket มีความชำนาญในด้านอาหารมากและสินค้าที่หลากหลายและแตกต่างไปจากซุปเปอร์มาร์เก็ตอื่น ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทและทำให้ผู้ซื้อนิยม

มาเลือกซื้อสินค้าจากซุปเปอร์มาร์เก็ต AB มากกว่าที่อื่น การนำเข้าสินค้าจากไทยได้แก่ ทูน่ากระป๋อง สัปปะรดกระป๋อง และเครื่องปรุงต่างๆ โดยให้ผู้ผลิตไทยใส่ชื่อแบรนด์เป็นของ AB ส่วนใหญ่สินค้าทูน่ากระป๋องนำเข้าสินค้าผ่านผู้นำเข้าในกรีซชื่อบริษัท C.Caltsoyian S.A. และขณะนี้กำลังคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่คือ ทูน่าในน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ที่ผลิตจากกรีซ (ราคาขายปลีกประมาณ ๒.๕๐ ยูโรต่อกระป๋อง) โดยจะเปิดตัวในเดือนหน้านี้ ในส่วนของสัปปะรดกระป๋องได้รับแจ้งจากผู้ผลิตว่า กำลังมีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบทำให้ต้องขึ้นราคาอีก ๒๐% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ดังนั้นผู้แทนบริษัทจึงเห็นว่า จะเป็นปัญหาอุปสรรคสำคัญหากสินค้าสัปปะรดกระป๋องไทยขาดแคลนและราคาสูงขึ้นและอาจหาแหล่งนำเข้าจากประเทศอื่นมาทดแทนในอนาคต

ในส่วนของกลุ่มอาหาร Ethnic และเครื่องปรุง ผู้แทนบริษัทแจ้งว่า ยอดขายของสินค้าเอเชียมีมูลค่า ๕๐% ของยอดขายสินค้าทั้งหมด โดยเป็นสินค้าไทยมากกว่า ๒๕% (ยอดขายมากเป็นอันดับสองรองจากจีน ตามด้วยญี่ปุ่นและอินโดนีเซียซึ่งเป็นอันดับสามและสี่ตามลำดับ) คิดเป็นมูลค่าประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ยูโรต่อปี สินค้าที่นำเข้าจากไทยได้แก่ บะหมี่แห้งกึ่งสำเร็จรูป กะทิกระป๋อง เครื่องแกง น้ำปลา น้ำมันงา ซีอิ้วขาว หน่อไม้กระป๋อง ข้าวโพดอ่อนกระป๋อง เป็นต้น ทั้งนี้พบว่ายอดขายของสินค้ากลุ่มอาหาร Ethnic เพิ่มขึ้น ๒๐๐% ในปี ๒๕๕๓ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๒ แสดงให้เห็นว่า แม้เศรษฐกิจไม่ดีประชาชนก็ยังจับจ่ายซื้อสินค้าอาหาร เนื่องจากนิยมทำอาหารเองที่บ้าน ประกอบการมีกลุ่มผู้อพยพในกรีซจำนวนมากที่ทำงานในสาขาธุรกิจบริการ เช่น การเดินเรือ การโรงแรมและการท่องเที่ยวเป็นต้น อาหารที่ทางบริษัทต้องการสั่งซื้อคือ ซอสปรุงรสต่างๆ เครื่องแกง เส้นหมี่/บะหมี่ ผงปรุงรส กลุ่มข้าว มีการขายข้าวยี่ห้อ Uncle Ben ซึ่งเป็นข้าวจากสหรัฐอเมริกาแต่เขียนที่ซองว่าเป็น Thai rice แต่ไม่ได้นำเข้าข้าวจากประเทศไทย

สคร.โรมได้ให้ข้อมูลงานแสดงสินค้า Thaifex ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔ เพื่อผู้แทนบริษัทพิจารณาเดินทางไปเยี่ยมชมและเสาะหาสินค้าใหม่ๆ โดยจะจัดส่งรายละเอียดให้ทางอีเมลล์ต่อไป

๓. การเยี่ยมพบบริษัท C.Caltsoyian S.A. เป็นบริษัทผู้นำเข้าปลาทูน่ากระป๋องให้แก่ AB Supermarket Mr. Harilaox Alexiou แจ้งว่าบริษัทนำเข้าทูน่ากระป๋องมาจากประเทศไทยนานเป็นเวลา ๒๐ ปีแล้ว (ตั้งแต่ปี ๑๙๙๒) มูลค่าการนำเข้าประมาณ ๖ ล้านยูโรต่อปี ๑๒๐ ตู้คอนเทนเนอร์ต่อปี หรือ ๑๐-๑๑ คอนเทนเนอร์ต่อเดือน ด้วยความสัมพันธ์อันยาวนานกับผู้ส่งออกไทยและคุณภาพที่ดีของสินค้าไทยจึงไม่มีปัญหาการนำเข้าใดๆ ทั้งนี้ได้ให้ข้อมูลว่า ทูน่ากระป๋องของ Rio Mare ครองตลาดเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนสินค้าที่ผลิตให้กับ AB เป็นสินค้าแบรนด์ของซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อ Tovos AB วางจำหน่ายใน AB Supermarket เท่านั้น ขณะนี้กำลังคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกับ AB คือ ทูน่ากระป๋องในน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จากกรีซ ซึ่งมีกำหนดออกวางตลาดในเดือนหน้านี้ นอกจากนี้นำเข้ากุ้งแช่แข็งจากไทยด้วย ส่วนข้าวหอมมะลิของไทยมีราคาแพงจึงยังไม่สามารถนำเข้ามาทำตลาดได้ ปรกติ Mr. Aleziou เดินทางไปเมืองไทย ๓ ครั้งต่อปี เพื่อตรวจสอบสินค้า โดยเดินทางร่วมกับ inspector ของ AB ไปไทยปีละ ๑ ครั้ง สคร.โรมได้ให้ข้อมูลเรื่องงานแสดงสินค้า Thaifex เพื่อพิจารณาเข้าเยี่ยมชมในเดือนพฤษภาคมศกนี้ด้วย

๔. การเยี่ยมพบบริษัท Cardinal ผู้นำเข้าและผู้ค้าส่งสินค้าอาหารเอเชีย ทั้งนี้เป็นผู้นำเข้าสินค้าอาหารรายใหญ่อันดับหนึ่งจากไทย นำเข้าสินค้าอาหารและเครื่องปรุงจากไทยมาแล้ว ๑๕ ปี ได้แก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (เช่น ยี่ห้อมาม่า ยำยำ - แบบ exclusive และไวไว) น้ำกะทิ ซอสปรุงรส ข้าว (จาก CP ยี่ห้อ Royal Umbrella) โดย นำเข้าประมาณ ๕ ตู้คอนเทนเนอร์ต่อครั้ง มูลค่าประมาณ ๑๕,๐๐๐ - ๒๕,๐๐๐ เหรียญสหรัฐต่อตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนข้าวนำเข้ามูลค่า ๓๐ ตู้คอนเทนเนอร์ต่อปี นอกจากนี้มีการนำเข้าจากประเทศอื่นๆ ด้วย เช่นสหรัฐอเมริกา ได้แก่ เหล้าสาเก ข้าวทำซูชิ ไส้กรอก เวียดนาม ได้แก่ ข้าวเกรียบกุ้ง

Mr. Isaac M Fais แจ้งว่า ต้องการนำเข้าแบบ exclusive เพื่อทำตลาดได้อย่างเต็มที่ ลูกค้าของบริษัทคือ โรงแรม ร้านอาหารไทย (ปัจจุบันปิดกิจการไปหลายร้านเหลือแค่ ๒-๓ ร้านเท่านั้น) ร้านอาหารจีน mini market นอกจากนี้บริษัทยังมีกิจการซุปเปอร์มาร์เก็ตเอเชีย ชื่อ Wok Shop ขายสินค้าอาหารและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้กำลังจัดโครงการสอนทำอาหารทุกๆ วันเสาร์เวลา ๑๒.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น. โดยหมุนเวียนสอนทำอาหารชาติต่างๆ ซึ่งมีคนสนใจมาเรียนทำอาหารเป็นคนกรีก ๒๐-๓๐ คนต่อครั้ง และเป็นที่น่าชื่นชมเพราะส่วนใหญ่ลูกค้าให้ความสนใจยืนเรียนวิธีทำจนจบ ๔ ชั่วโมง และสอบถามด้วยความสนใจเสมอ อย่างไรก็ดี Mr. Isaac ให้ข้อมูลว่า คนกรีกส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักวิธีทำอาหารไทยเลย มักจะซื้อวัตถุดิบไทยไปทำอาหารจีน สินค้าที่ขายดีคือ น้ำกะทิ โอกาสของสินค้าไทยคือ กลุ่ม Ready to Eat (สนใจเป็ดพะโล้ ซูชิ ผัดไทย ปอเปี๊ยะ) และข้าวสำหรับทำซูชิ สคร.โรมจะจัดส่งรายชื่อผู้ผลิต/ผู้ส่งออกสินค้าอาหารไทยให้ต่อไป พร้อมทั้งจะแนะนำ CPF ที่มีสำนักงานตัวแทนในอิตาลีให้ติดต่อกับบริษัทด้วย

บริษัทเห็นว่า โอกาสของสินค้าไทยยังมีอยู่อีกมากเนื่องจากมีชาวเอเชียมาพักอาศัยอยู่ในกรีซมากขึ้น เช่น ชาวจีน (๒๕.๐๐๐ คน) ชาวฟิลิปปินส์ (๒๕,๐๐๐ คน) ชาวไทย (๕๐๐ คน) เป็นต้น ประกอบกับร้านอาหารต่างๆ ต้องการเพิ่มความหลากหลายมากขึ้น เพื่อสนองความต้องการให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีจำนวนโดยเฉลี่ยปีละ ๑๔ ล้านคน (โดยหนึ่งในสามของนักท่องเที่ยวมาจากเยอรมันและสหราชอาณาจักร ซึ่งรู้จักสินค้าอาหารไทยเป็นอย่างดี) นอกจากนี้บริษัทแจ้งว่า เคยนำเข้าสินค้าจำนวนมากจากฟิลิปปินส์แต่เนื่องจากทางการกรีกต้องการเอกสารการนำเข้าที่ครบถ้วนและมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ซึ่งฟิลิปปินส์ไม่สามารถตอบสนองได้จึงหันมานำเข้าจากไทย

สำหรับเรื่องผักสดของไทย Mr. Isaac มีแนวคิดว่าต้องการปลูกและขายเองในกรีซ โดยต้องการหาผู้ร่วมทุนชาวไทยที่มีความรู้ในเรื่องเทคนิคการปลูกผักต่างๆ ดังกล่าวเป็นอย่างดี ซึ่งพร้อมที่จะลงทุนในเรื่องพื้นที่ปลูก การก่อสร้าง greenhouse และเงินทุน สคร.โรมจะดำเนินประชาสัมพันธ์หาผู้ร่วมลงทุนดังกล่าวให้

ปัญหา

  • การซื้อข้าวจากบริษัท Capital Rice Mr. Isaas แจ้งว่า เมื่อ ๓ ปีที่แล้ว เคยมีปัญหาทางการค้ากับบริษัท Capital Rice กล่าวคือ บริษัทไทยจัดส่งสินค้าข้าวมาให้แต่พบว่า มีมอดอยู่ในข้าวเมื่อได้รับสินค้า จึงต้องจัดส่งสินค้าไปรมควันและเปลี่ยนบรรจุใหม่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นประมาณ ๒,๐๐๐ ยูโรและได้ขอให้บริษัท Capital Rice พิจารณารับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าว แต่ทางบริษัทไทยกับเพิกเฉยและแสดงความไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น Mr. Isaas จึงเลิกสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทดังกล่าวหันไปซื้อจากบริษัทอื่นแทน อย่างไรก็ดี ทาง Mr. Isaas เห็นว่า การกระทำที่ไม่รับผิดชอบดังกล่าวของบริษัท Capital Rice เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งทางภาครัฐของไทยควรมีการตักเตือนเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงในวงการการค้าต่อไป ทางสคร.โรมรับข้อมูลเพื่อแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบต่อไป
  • กรณีโรงงานพลังงานปรมาณูในญี่ปุ่นระเบิด Mr. Isaas ได้แสดงความกังวลต่อผลกระทบจากกัมมันตรังสีของโรงงานในญี่ปุ่นที่เกิดการระเบิดจากแผ่นดินไหวและสินามิในญี่ปุ่นว่าอาจเกิดการปนเปื้อนในสินค้าอาหารและวัตถุดิบอาหารของไทยได้หรือไม่ เนื่องจากเห็นว่า ประเทศไทยมีที่ตั้งอยู่ใกล้กับญี่ปุ่น ทางสคร.โรมได้แจ้งว่า ทางการไทยที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติได้ออกมาชี้แจงให้ประชาชนทราบแล้วว่า ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อประเทศไทยเนื่องจากระยะทางห่างจากญี่ปุ่น ประกอบกับมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นในเรื่องผู้คนที่เดินทางมาจากญี่ปุ่นและวัตถุดิบอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่นแล้ว

๕. การเยี่ยมชมตลาดการค้า Plaka เป็นย่านการค้าแบบ walking street กลางกรุงเอเธนส์ ขายสินค้าประเภทของที่ระลึกและเครื่องประดับ เน้นขายให้แก่นักท่องเที่ยว จากการสอบถามผู้ค้าเครื่องประดับหลายราย พบว่า มีการนำเข้าสินค้ากลุ่มเครื่องประดับเงิน/เครื่องประดับอัญมณีกึ่งมีค่าจากไทย โดยส่วนใหญ่เดินทางไปไทยเพื่อ เลือกซื้อสินค้าและหิ้วกลับมา บางรายเดินทางไปช่วงที่มีงานแสดงสินค้า Gems & Jewelry Fair ด้วยและถือโอกาสไปท่องเที่ยวตามชายทะเลต่างๆ หลังจบงาน สคร.โรมได้ประชาสัมพันธ์งานแก่ผู้ประกอบการค้าปลีกดังกล่าวและจะจัดส่งรายละเอียดข้อมูลงานในครั้งต่อไปให้

นอกจากนี้จากการสำรวจตลาดพบว่า ราคาอาหารและผักผลไม้ในกรีซมีราคาไม่สูงนัก โดยผักจากไทยที่พบวางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตได้แก่ ผักชี (๑.๓๐ ยูโร/ถุงขนาด ๑๐๐ กรัม) ใบกะเพรา (๑.๘๐ ยูโร/ถุงขนาด ๑๐๐ กรัม) พริกแดง (๑.๖๕ ยูโร/ถุงขนาด ๑๐๐ กรัม) มะละกอ (๑๖.๖๕ ยูโร/กิโลกรัม) โดยมีผู้นำเข้าสั่งซื้อสินค้าโดยตรงจากประเทศไทยและขนส่งโดยเครื่องบินการบินไทยมาถึงกรีซในทุกวันพฤหัสบดีของสัปดาห์

สรุปข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ

๑. แม้ว่าภาวะตลาดของกรีซในปัจจุบันจะอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ประชาชนไม่มีกำลังซื้อเนื่องจากมาตรการเข้มงวดด้านงบประมาณของรัฐบาลกรีซ โดยเฉพาะการตัดลดเงินเดือนข้าราชการ การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพิ่มขึ้น แต่พบว่า ตลาดยังคงมีศักยภาพในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงเดินทงเข้ามาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวกรีซได้เปิดเผยว่า ในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ ตัวชี้วัดด้านการท่องเที่ยวเป็นบวก ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้แก่ผู้ประกอบการโรงแรมและที่พัก และรัฐบาลยังมีแผนมุ่งเน้นประชาสัมพันธ์/การท่องเที่ยวของกรีซตลอดใน ๓ ปีข้างหน้า โดยเน้นตลาดสำคัญคือ เยอรมัน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และจีน ทำให้คาดว่ายังมีลู่ทางและโอกาสในการขยายการส่งออกสินค้าบางตัว เช่น กลุ่มวัตถุดิบอาหารและอาหาร โดยเฉพาะอาหารไทย ถือเป็นสินค้าที่กำลังได้รับความนิยมกลุ่มชาวกรีกชั้นสูงและผู้ที่เคยเดินทางไปประเทศไทย และนักท่องเที่ยว แต่เนื่องจากปัญหาความยุ่งยากในการลงทุนเปิดกิจการร้านอาหารไทยในประเทศกรีซ (เช่นเดียวกับอิตาลี) จึงทำให้มีจำนวนร้านต่างๆ ที่ให้บริการยังไม่มาก การจัดโครงการเทศกาลอาหารไทยของโรงแรมดังกล่าวจึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้มีการประชาสัมพันธ์อาหารไทยในตลาดกรีกให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยการแทรกซึมเข้าไปในช่องทางของโรงแรมและรีสอร์ตของกรีก โดยเฉพาะการเลือกจัดโครงการร่วมกับรี- สอร์ตระดับ ๕ ดาว ที่มีลูกค้าระดับบน เช่น ดาราหรือคนดังในสังคมซึ่งมีกำลังซื้อสูงและสามารถช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้แก่สินค้า/บริการจากไทยให้สูงยิ่งขึ้น รวมถึงการประชาสัมพันธ์กันในหมู่บุคคลดังกล่าวในลักษณะปากต่อปาก จึงเห็นควรให้มีการสนับสนุนจัดโครงการในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี รวมถึงการขยายมูลค่าการส่งออกธุรกิจบริการจากไทยในอนาคตด้วย ทั้งนี้นอกจากการจัดบริการอาหารแล้วน่าจะจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยไปในคราวเดียวกันด้วย

๒. อย่างไรก็ดี ประเด็นในเรื่องสารกัมมันตรังสีจากญี่ปุ่นที่จะส่งผลกระทบต่อการปนเปื้อนในวัตถุดิบอาหารที่ผลิตในไทยเป็นประเด็นที่น่าสนใจและควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ซื้อตัดความกังวลใจในเรื่องดังกล่าว มิฉะนั้นอาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างหนักต่อสินค้าของไทยได้

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ