นักชอปบราซิลหลั่งไหลสู่อเมริกา

นักชอปบราซิลหลั่งไหลสู่อเมริกา

ในระยะเวลา 2 — 3 ปี ที่ผ่านมา จำนวนวีซ่าเดินทางไปสหรัฐอเมริกาที่รัฐบาลสหรัฐฯ ออกให้แก่คนบราซิลมีจานวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าทุกปี โดยในปี 2010 มีการออกวีซ่าเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา ให้แก่ชาวบราซิลทั้งสิ้น จานวน 546,866 ราย และคาดว่าตัวเลขในปี 2011 จะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ล้านราย การเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาของชาวบราซิล นอกจากการเดินทางไปท่องเที่ยว การทาธุรกิจ แล้ว การเดินทางไปเพื่อชอปปิ้ง ก็เป็นเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่ง

จากสถิติพบว่า ในปี 2010 ชาวบราซิลมีการจับจ่ายใช้สอยในสหรัฐอเมริกา มูลค่า 5,900 ล้านเหรียญสหรัฐ นักท่องเที่ยวบราซิลมีการใช้จ่ายสูงที่สุดเมื่อทียบกับนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ที่เดินทางมาสหรัฐอเมริกา โดยนักท่องเที่ยวบราซิลมีการใช้จ่ายประมาณ 5,400 เหรียญสหรัฐ ต่อคน นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นใช้จ่ายสูงเป็นอันดับที่ 2 ประมาณ 4,300 เหรียญสหรัฐ ต่อคน นักชอปบราซิล จะเดินทางจากบราซิลไปสหรัฐอเมริกาด้วยกระเป๋าถือเพียงใบเดียว และจะซื้อทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่สินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา หรูหรา แบรนเนม ที่มีราคาแพง เครื่องอิเลคทรอนิกส์ ของเล่น เครื่องครัว ตลอดจน สบู่ ยาสระผม เนื่องจากราคาถูกกว่าการซื้อในบราซิล มากกว่าครึ่ง เช่น โทรศัพท์ iPhone 4s หน่วยความจา 16 gigabytes ราคา 1,515 เหรียญสหรัฐ ในเวปไซด์ Apple ของบราซิล เปรียบเทียบกับราคา 649 เหรียญสหรัฐ ในเวปไซด์ Apple ของสหรัฐอเมริกา รถเข็นสาหรับเด็ก สามารถซื้อได้ในราคา 350 เหรียญสหรัฐ ในอเมริกา หากซื้อที่บราซิล จะมีราคาสูงถึง 1,300 เหรียญสหรัฐ ในปัจจุบันผู้ให้บริการโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า ในสหรัฐอเมริกา ให้การต้อนรับชาวบราซิลดีกว่าในอดีตที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก

ระบบภาษีที่ซับซ้อนไม่ทันสมัย กำแพงภาษีต่างๆที่มีอัตราสูง เศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อ และค่าเงินท้องถิ่น (เฮอัล) ของบราซิลที่แข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทาให้สินค้าที่จำหน่ายในประเทศมีราคาสูง ประกอบกับสินค้าที่ผลิตในประเทศบราซิลเองยังไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพ มาตราฐาน ขาดความหลากหลาย ทำให้ผู้มีกำลังซื้อสูงที่มีจานวนเพิ่มมากขึ้นในบราซิล นิยมเดินทางไปจับจ่ายใช้สอยในต่างประเทศ

รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตระหนักถึงรายได้ที่ได้จากการเดินทางมาจับจ่ายใช้สอยของชาวบราซิล ที่มีส่วนในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อยู่ในภาวะชลอตัว ประธานาธิบดี Barack Obama ได้ประกาศนโยบาย ในการเพิ่มความสะดวก ความรวดเร็ว ลดขั้นตอนในการออกวีซ่าให้แก่ชาวบราซิลและประเทศอื่นๆที่สำคัญ (รวมทั้งจีน) โดยมีเป้าหมายให้สามารถออกวีซ่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 ภายในปี 2012 ประเทศบราซิลเป็นประเทศเศรษฐกิจใหม่ของโลกในกลุ่ม BRICS เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2010 เศรษฐกิจ (GDP) ขยายตัวร้อยละ 7.5 ปี 2011 ขยายตัวร้อยละ 2.7 ขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก (แซงหน้าประเทศอังกฤษ) มีมูลค่า 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าในปี 2012 เศรษฐกิจ (GDP) จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 — 4 อาจจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก แซงหน้าประเทศ เยอรมันนี มีประชากรประมาณ 200 ล้านคน ความสำเร็จของรัฐบาลในการเพิ่มรายได้ให้แก่ประชากร ตลอดระยะเวลา 8 ปี ที่ผ่านมา มีการเพิ่มจำนวนชนชั้นกลางที่มีรายได้สูงขึ้น ขยายตัวกว่า 40 ล้านคน คนเหล่านี้ นอกจากจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น แล้วยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ เครดิตการ์ด สินเชื่ออื่นๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้มีกำลังจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และต้องการซื้อทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่ในอดีตไม่สามารถซื้อหาได้ ตั้งแต่แฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ พัดลม ตู้เย็น โทรศัพท์มือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์ รถยนต์ จึงเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพในการรองรับสินค้าจากประเทศไทย

.....................................................................

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซาเปาโล

มีนาคม 2555