สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้รวบรวมและสรุปข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทขายตรงในมาเลเซีย ดังนี้1. ขั้นตอนการลงทุนและจัดตั้งบริษัทในมาเลเซีย กรณีการลงทุนตั้งแต่ 2.5 ล้านริงกิตขึ้นไปสามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุน โดยผู้ลงทุนจำเป็นต้องศึกษาประเภทกิจการหรือธุรกิจที่สนใจในมาเลเซียจากเอกสาร การศึกษาดูงาน รวมถึงการรับคำปรึกษาจากบริษัทที่ปรึกษาและนำข้อมูลจากการศึกษามาประมวลความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) หลังจากนั้น ผู้ลงทุนควรตัดสินใจว่าจะลงทุนเองทั้งหมด หรือจะร่วมลงทุนกับ ท้องถิ่น แล้วจัดทำรายงานข้อเสนอโครงการ (Proposal) พร้อมหลักฐานการฃงทุนมายื่นต่อ Malaysia Industrial Development Authority (MIDA) เพื่อขอรับการส่งเสริมการลงทุน MIDA จะพิจารณาไม่เกิน 3 เดือน เมื่อได้รับอนุมัติต้องยื่น Form A 13 เพื่อจดทะเบียนชื่อบริษัทที่ The Companies Commission of Malaysia (SSM) SSM จะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 12 วัน หลังจากผ่านการอนุมัติจาก SSM ผู้ลงทุนจะต้องจัดทำตราบริษัท และ ส่งเอกสารให้ CCM ออกใบรับรองเพื่อนำมาจดทะเบียนกับ Income Tax Department, Employment Provident Fund และ Social Security Organization สิทธิประโยชน์จากโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน กรณีอุตสาหกรรมทั่วไปจะได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้ร้อยละ 30 เป็นเวลา 5 ปี กรณีกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จะได้รับยกเว้นภาษี เงินได้ทั้งหมดเป็นเวลา 5 ปี การนำเข้าสินค้าทุนสามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ 60 เป็นเวลา 5 ปี 2. กฎหมายการดำเนินการธุรกิจขายตรง มาเลเซียได้ตราพระราชบัญญัติธุรกิจขายตรง ค.ศ 1993 (Direct Sales Act 1993) ได้กำหนดให้การดำเนินธุรกิจขายตรงจะต้องขออนุญาต(License) โดยบริษัทที่เป็นของคนท้องถิ่น(Local) ของภูมิบุตร(Bumiputra) หรือของชาวต่างชาติ(Foreign-owned companies) ก็ได้ หากกรณีดำเนินธุรกิจโดยชาวต่างชาติ จะต้องมีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 5 ล้านริงกิต โดยในจำนวนนี้จะต้องกันหุ้นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 30ให้แก่ผู้ร่วมทุนที่เป็นภูมิบุตร สินค้าที่อนุญาตให้ดำเนินธุรกิจขายตรง ได้แก่ - สินค้าที่มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานต่างๆ เช่น ISO, GMP, เครื่องหมายรับรอง Halal - สินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ(Health Food) อาหารเสริม(Food Supplement) ยาแผนโบราณ(Traditional Medicine) ที่ผ่านการรับรองจาก Drugs Control Authority, Ministry of Health และจะต้องติดฉลากแสดงเลขที่ที่ได้รับอนุญาตจาก Drugs Advertisement Board, Ministry of Health บนโบรชัวร์และเอกสารเผยแพร่ - สินค้าเครื่องสำอางจะต้องขึ้นทะเบียนกับ Pharmaceutical Service Division, Ministry of Health - บริการด้านสุขภาพ (Health care program) ต้องจดทะเบียนกับ Ministry of Health ที่มา: http://www.depthai.go.th