เศรษฐกิจสดใส จีนไม่ประมาท

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 30, 2009 15:04 —กรมส่งเสริมการส่งออก

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซีอาน แจ้งว่าเศรษฐกิจของประเทศจีนกำลังไปได้สวย และจีนกำลังก้าวออกจากภาวะวิกฤตที่โลกเผชิญในช่วงขวบปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่ารายได้จากการส่งออกของจีนจะตกลดลงไปถึงร้อยละ 21.3 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 แต่พบว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจีนทุ่มเงินใช้จ่ายลงไปถึง 4 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 586,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตั้งแต่พฤศจิกายนของปีก่อน ได้เริ่มแสดงผลอย่างชัดเจนเมื่อจีนประกาศตัวเลข GDP ในไตรมาศที่สามของปีมีอัตราเพิ่มร้อยละ 8.9 และค่าเฉลี่ย GDP ตลอดช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 มีอัตราเพิ่มขยับขึ้นเป็นร้อยละ 7.7

สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มสูงหากไม่มีมาตรการระมัดระวังที่ดีพอ ทั้งนี้ธุรกิจที่ทำรายได้ดีและเติบโตสูงขึ้นกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบด้วยการลงทุนในทรัพย์สินถาวร ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจค้าปลีก ในขณะที่อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง และช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง การออกล่าหางานของนักศึกษาจบใหม่ดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการเปิดสมัครเข้ารับราชการที่จะถึงนี้ จะมีอัตราส่วนที่สอบได้เพียง 1 ใน 4,000 คนจากผู้สมัครทั้งหมด จำนวนผู้สมัครสอบเข้ารับราชการในปี 2553 คาดว่าจะมีจำนวน 1.4 ล้านคน ตำแหน่งเปิดรับมีเพียง 15,526 คน

ในขณะที่สังคมคนเมืองมีความร่ำรวยมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่ม “เศรษฐีรุ่นที่สอง” ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งของคนเหล่านี้ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ เป็นกลุ่มที่ปัจจุบันมีธุรกิจที่มั่นคงเป็นของตนเองหรือมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีในบริษัท การจับจ่ายใช้สอยต่อเดือนของคนกลุ่มนี้สูงถึง 5,000 — 10,000 หยวน หรือเดือนละประมาณ 25,000-50,000 บาท บุตรหลานของ “เศรษฐีรุ่นที่สอง” มักจะเป็นผู้มีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่นในหลายๆ ด้าน ทั้งโอกาสในการเข้าเรียน การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมให้มีการพัฒนาทักษะความสามารถ และการเข้าโปรแกรมฝึกอบรมต่างๆ ที่จะทำให้หางานทำได้ดีขึ้น ซึ่งกลายเป็นประเด็นข้อถกเถียงระดับชาติซึ่งไม่ต้องการเห็นความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นนี้ขยายวงกว้างและร่วมกั้นหาหนทางยับยั้งแก้ไข

ปัจจัยบวกคืออัตราดอกเบี้ยระยะยาวของจีนอยู่ในระดับที่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ และสนับสนุนให้เกิดการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่แทนที่จะพึ่งพาความได้เปรียบอยู่แต่กับค่าแรงราคาถูก ประเทศจีนกำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจขาขึ้น แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะยั่งยืนหรือไม่ ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ อีกหลายด้าน รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการสร้างงานเพื่อให้ประชาชนมีรายได้จากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ในขณะเดียวกันทางภาคเอกชนพยายามที่จะปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเพิ่มผลกำไรโดยการลงทุนประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ เพิ่มงานวิจัยพัฒนา ดีไซน์ การตลาด การจัดจำหน่าย และการให้บริการทางการเงิน แทนที่จะทำอยู่แต่ภาคการผลิตสินค้าแล้วส่งขายที่การแข่งขันรังแต่จะทวีความรุนแรงและผลกำไรต้องลดลงตามลำดับ จีนจะก้าวไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ผลักดันองค์ความรู้ในบุคคลให้แปรเป็นมูลค่าเพิ่มทางการค้า ซึ่งรวมทั้งการใช้เทคโนโลยีทางพาณิชย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจการค้า ขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยที่จะส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กรวมทั้งวิสาหกิจรายย่อยซึ่งเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงาน โดยการร่วมมือส่งเสริมซึ่งกันและกันของภาครัฐและภาคเอกชน

ทั้งนี้สถาบันการเงินหลายแห่งเชื่อว่าจีนจะบรรลุเป้าหมายการเจริญเติบโตตลอดปี 2552 ในอัตราร้อยละ 8 ขึ้นไปค่อนข้างแน่นอน และสำหรับคาดการณ์ในปี 2553 เศรษฐกิจจีนจะเติบโตระหว่างร้อยละ 8 — 9.5

สิริรัตน์ วงศ์ไพโรจน์พานิช

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซีอาน

แหล่งข้อมูล สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศจีน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ