ตารางแสดงมูลค่าการค้าไทย-สเปน ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2553
ก.พ. 2553 ม.ค.-ก.พ. 2553 มูลค่า(Mil.US$) เพิ่ม/ลด (%) มูลค่า(Mil.US$) เพิ่ม/ลด (%) จากเดือนก่อน ช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งออก 82.37 +3.61 161.87 +36.25 นำเข้า 39.26 +34.57 68.43 +32.88 การค้ารวม 121.63 +11.93 230.31 +35.23 ดุลการค้า +43.11 -14.35 +93.44 +38.93 ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ไทยกับสเปนมีมูลค่าการค้ารวม 121.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไทยเป็นฝ่ายส่งออกไปสเปน 82.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.61 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาโดยมีหมวดสินค้าที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+340.99%) เครื่องรับวิทยุ/โทรทัศน์และส่วนประกอบ (+8.61%) และกุ้งสดแช่เย็น/แช่แข็ง(+158.54%) ขณะที่นำเข้าจากสเปนรวม 39.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึน( ร้อยละ 34.57 ทั้งนี้ไทยได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นอีก 43.11 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในช่วงสองเดือนแรก ปี 2553 ไทย-สเปน มียอดการค้ารวม 230.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ่นร้อยละ 35.23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยไทยมียอดส่งออกมาสเปนรวม 161.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.25 หมวดสินค้าหลักดังเดิมสามารถกลับมาขยายตัวในอัตราสูงได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (+206.84%) ยางพารา (+275.39%) และรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ (+391.85%) ขณะที่นำเข้าจากสเปน 68.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.88 ทำให้ไทยได้ดุลการค้าจากสเปนสะสม จำนวน 93.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่มขึ้นร้อยละ 38.93 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ตารางแสดงโครงสร้างการส่งออกของไทยไปยังสเปน ช่วง 2 เดือนแรก ของปี 2553
หมวดสินค้า มูลค่า(Mil.US$) เพิ่ม/ลด (%)จากปีก่อน สัดส่วน (%) สินค้าเกษตรกรรม (กสิกรรม/ปศุสัตว์/ประมง) 33.0 +51.23 20.37 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร 7.5 -17.10 4.61 สินค้าอุตสาหกรรม 121.5 +37.99 75.03 สินค้าแร่และเชื้อเพลิง - - - รวม 161.9 +36.25 100.0 ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
จากโครงสร้างการส่งออกของไทยไปยังสเปน หมวดสินค้าอุตสาหกรรมยังครองส่วนแบ่งเป็นสินค้าส่งออกประมาณสามในสี่อันประกอบด้วยสินค้าหลักได้แก่ เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วนและเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองลงมาได้แก่หมวดสินค้าเกษตรกรรมมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 20 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราสูง โดยเฉพาะยางพารา และกุ้งสดแช่เย็น/แช่แข็ง และลำดับสุดท้ายหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรมีสัดส่วนการส่งออกไม่มากนัก และปรับตัวลดลงร้อยละ 17
ตารางแสดงมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยมายังสเปน 10 อันดับแรก ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2553
ที่ สินค้า มูลค่า (Mil.USD) สัดส่วน (%) เปลี่ยนแปลง (%) 1 เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 30.7 18.98 +206.84 2 เสื้อผ้าสำเร็จรูป 25.8 15.94 +17.91 3 ยางพารา 25.2 15.58 +275.39 4 เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ 7.2 4.46 +279.20 5 รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ 7.1 4.37 +391.85 6 เลนส์ 5.4 3.36 +23.31 7 ผลิตภัณฑ์ยาง 5.4 3.33 +14.14 8 ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 4.7 2.91 +34.01 9 กุ้งสดแช่เย็น/แช่แข็ง 4.3 2.64 +744.83 10 เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ 3.9 2.43 -5.42 ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของโลกที่ผ่อนคลายลง ส่งผลให้สินค้าแทบทุกหมวดของไทยมีอัตราขยายตัวในอัตราเร่ง โดยเฉพาะสินค้าหลักดั้งเดิมของไทยในตลาดนี้ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ยางพารา และรถยนต์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ ต่างมีอัตราเติบโตกว่าร้อยละ 200 จึงถือได้ว่าผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจและจับจ่ายใช้สอยแบบลดการรัดเข็มขัดลง ซึ่งสังเกตได้ชัดจากสินค้าประเภทคงทน อาทิเช่น รถยนต์ และเครื่องใช้ฟ้า เป็นต้น เริ่มทำยอดขายได้ดีขึ้นหลังจากที่ผู้บริโภคต้องตัดสินใจระงับหรือเลื่อนเวลาการซื้อออกไปในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสเปนยังคงอยู่ในแดนลบ นอกจากนั้น ยังคงมีสภาพเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจและการเงินของโลกที่ยังไม่มีความแน่นอน
ในช่วงเดียวกันไทยนำเข้าสินค้าจากสเปน เป็นมูลค่า 68.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 32.88 โดยมีรายละเอียดการนำเข้าสินค้า 5 อันดับแรกที่มีมูลค่าสูงสุดดังนี้
ตารางแสดงมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากสเปน 5 อันดับแรก ช่วง 2 เดือนแรก ปี 2553
สินค้า มูลค่า (Mil.USD) สัดส่วน (%) เปลี่ยนแปลง (%) เคมีภัณฑ์ 12.4 18.17 +98.17 เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 9.7 14.23 +1.87 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม 7.1 10.36 +0.68 สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูป 5.8 8.54 +5004.98 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 3.5 5.13 +29.37 ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสเปนได้ปรับเปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นๆในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว กล่าวคือผ่านจุดต่ำสุดของภาวะถดถอยและอยู่ระหว่างการฟื้นฟู แต่ทั้งนี้ ยังคงก้าวช้ากว่าประเทศเพื่อนร่วมกลุ่มอยู่หนึ่งก้าว เนื่องจากมีตัวชี้วัดบางตัวยังแตะไม่ถึงระดับต่ำสุดขณะที่ตัวชี้วัดส่วนใหญ่มีสภาพกระเตื้องขึ้นแล้วอย่างช้าๆ เช่น ดัชนีความเชื่อมั่น การผลิตของอุตสาหกรรม อุปสงค์ของตลาด กำลังซื้อของผู้บริโภค และยอดค้าปลีก เป็นต้น นอกจากนั่น อัตราเงินเฟ้อทรี่เป็นตัววัดแนวโน้มความต้องการของตลาดก็แตะระดับต่ำสุดไปแล้ว เช่นเดียวกับดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งส่วนหนึ่งมีผลมาจากราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ท่ามกลางข่าวดีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สถานการณ์ด้านตลาดแรงงานกลับไม่ดีไปด้วยอัตราการว่างงานยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงแม้จะมีจำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงก็ตาม ณ สิ้นปี 2552 มีคนว่างงานทั้งสิ้น 4.33 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 18.8 ของแรงงานทั้งหมดเพิ่มขึ้นถึง 1.2 ล้านคนภายใน 1 ปี ซึ่งคาดว่าจะแตะระดับร้อยละ 20 ในปี 2553
อีกปัจจัยสำคัญของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ต้องจับตามองขณะนี้ คือ ดุลบัญชีใช้จ่ายของภาครัฐ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาการจัดเก็บภาษีทำได้ไม่ดีเนื่องจากทุกภาคส่วนมีรายได้ที่จะเสียภาษีลดต่ำลง ขณะที่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากผลตอบแทนที่ต้องจ่ายแก่ผู้ตกงานรวมทั้งเงินอัดฉีดตามมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จนทำให้มีอัตราการขาดดุลงบประมาณสูงถึงร้อยละ 11.4 ของ GDP ซึ่งสูงกว่าที่ประมาณการไว้
แต่ในแง่ของตัวเลขหนี้สาธารณะ สเปน (ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของ GDP) ยังดูดีกว่าอีกหลายประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐได้พยายามทุกวิถีทางที่จะพลิกสถานการณ์ให้กลับมาเป็นปกติ โดยใช้มาตรการจำกัดค่าใช้จ่ายไปพร้อมๆ กับการขึ้นภาษี นอกจากนั้น ในเดือนมกราคมที่ผ่านมารัฐบาลได้เสนอมาตรการรัดเข็มขัด รวมทั้งตัดค่าใช้จ่ายสาธารณะลง 5 หมื่นล้านยูโรภายใน 3 ปี และขยายเวลาอายุเกษียณของประชาชนออกไป ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่จะรักษาระดับการขาดดุลงบประมาณไม่ให้เกินร้อยละ 3 ภายในปี 2556 โดยไม่ให้มีผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่กำลังฟื้นตัว
ในภาพรวมทางเศรษฐกิจแม้ว่าจะเริ่มฟื้นตัวบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาความไม่สมดุลย์ที่ระบบเศรษฐกิจของสเปนสะสมมาอย่างยาวนานจนไม่สามารถจะกำจัดให้หมดสิ้นไปโดยง่าย แต่คาดหวังว่าอุปสงค์ในต่างประเทศที่ขยับสูงขึ้น ร่วมกับการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนที่ขยายตัว จะช่วยให้สเปนมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นบวกได้ในช่วงครึ่งหลังของปี แต่ทั้งนี้จะเป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยในปี 2553 คาดว่าสเปนจะยังคงมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวมอยู่ในแดนลบอีก -0.4
ในปี 2553 มูลค่าส่งออกสินค้าส่งหลักดั้งเดิมของไทยในตลาดนี้ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศเสื้อผ้าสำเร็จรูป ยางพารา กุ้งแช่เย็น/แช่แข็ง ข้าว ยานพาหนะและส่วนประกอบ ในตลาดสเปนจะปรับตัวดีขึ้น จากความต้องการของผู้บริโภคที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น แต่ทั้งนี้ผู้บริโภคยังคงยึดระดับราคาสินค้าเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าต่อไป
สินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น อาหารและเครื่องนุ่งห่ม ก็ยังมีแนวโน้มที่จะพัฒนาตลาดต่อไปได้ โดยเฉพาะกุ้งแช่เย็น/แช่แข็ง รวมทั้งสินค้าอาหารพร้อมรับประทานที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าสินค้าเกษตรหรืออุตสาหกรรมการเกษตร แต่ทั้งนี้ต้องตระหนักถึงศักยภาพในการการแข่งขันท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงด้วย
ส่วนสินค้าที่มีลักษณะฟุ่มเฟือยหรือไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต โดยทั่วไปยังคงขยายตัวได้ไม่ดีนัก แต่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะมีแนวโน้มขยายตลาดได้ดี เนื่องจากผู้บริโภคหันมาหาความสุขจากการใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านมากขึ้นและเฝ้าติดตามการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของการสื่อสาร
หากไม่นับประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปเองด้วยกัน ในแง่ของสถานะคู่แข่งโดยทั่วไป จีนจะยังคงครองฐานะความเป็นหนึ$งของแหล่งการผลิตและการส่งออกต่อไป นอกจากข้อได้เปรียบเรื่องต้นทุนการผลิตแล้วยังมีการพัฒนาระดับฝีมือและเทคโนโลยีขึ้นเป็นลำดับด้วย นอกจากนั้น อินเดีย เวียดนามอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่มีความได้เปรียบในแง่ของต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า และสามารถผลิตสินค้าประเภทเดียวกับไทยได้แทบทุกชนิด
โดย กิตตินันท์ ยิ่งเจริญ
ที่มา: http://www.depthai.go.th