การบริโภคอาหารในนครชิคาโก

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 20, 2010 15:53 —กรมส่งเสริมการส่งออก

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจ กระทรวงเกษตรของสหรัฐ (U.S. Department of Agriculture-USDA: Economic Research Service) ได้รายงาน Food Environmental Atlas ซึ่งเป็นข้อมูลและสถิติแนวโน้มการบริโภคอาหารของคนอเมริกันในแต่ละมลรัฐ ซึ่งพบว่า คนอเมริกันเริ่มลดการบริโภคเนื้อวัว และนม โดยหันมานิยมรับประทานเนื้อไก่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะราคาถูกกว่าในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

จากผลสำรวจ พบว่า จากจำนวนเมืองต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วนครชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ เป็นเมืองที่มีความเด่นที่สุดเมืองหนึ่งในเรื่องการบริโภคเนื้อสัตว์ (Meat) สัตว์ปีก (Poultry) ผัก ผลไม้ (Produce) อาหารสำเร็จรูป (Prepared Food) และของรับประทานเล่นประเภทบรรจุภัณฑ์ (Packaged Sweet Snacks) ซึ่งนักวิเคราะห์ของบริษัทวิจัยการบริโภค (Consumer Research) ให้ความเห็นว่า ทั้งนี้เป็นเพราะนครชิคาโกตั้งอยู่ใจกลางของประเทศและเป็นศูนย์กลางการกระจายอาหารนานาชนิดจึงเป็นเมืองที่ได้เปรียบ และยังเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้บริโภคที่สามารถเลือกซื้ออาหารนานาชนิดได้สะดวกกว่าเมือง อื่นๆ

ข้อมูลสังเขปของนครชิคาโก

ที่ตั้ง: ตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐอิลลินอส์ ชายฝั่งทะเลสาบมิชิแกน

ประชากร: 2.8 ล้านคน ในเขตเทศบาล และประมาณ 8 ล้านคน

รวมเมืองบริวารในรัศมี 50 ไมล์ (80 กิโลเมตร)

เพศชาย 48.5 % เพศหญิง 51.5 %

  • Black (36.8%)
  • White Non-Hispanic (31.3%)
  • Hispanic (26.0%)
  • Other race (13.6%)
  • Two or more races (2.9%)
  • Chinese (1.1%)
  • Filipino (1.0%)
  • Asian Indian (0.9%) Other Asian (0.5%)
  • American Indian (0.7%)

รายได้ประชากร: รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนปีละ46,911 เหรียญสหรัฐฯ (ปี 2551)

อื่นๆ: - อัตราการว่างงานของมลรัฐอิลลินอยส์ อยู่ที่ร้อยละ 11.4 (ก.พ. 2553)

  • ภาษีการค้า (Sales Tax) ร้อยละ 10.25 เป็นอัตราที่สูงที่สุดของประเทศสหรัฐฯ
  • ค่าแรงขั้นต่ำของชิคาโกชั่วโมงละ 7.75 เหรียญฯ (จะปรับเป็น 8.25 เหรียญ/ชั่วโมง เริ่มวันที่ 1 ก.ค.53)
  • จำนวนร้านอาหารในมลรัฐอิลลินอยส์ มีประมาณ 23,232 ร้าน (ปี 2008) ในเขตนครชิคาโกมีมากกว่า 7,300 ร้าน
  • ปี 2010 คาดการณ์ยอดขายของร้านอาหารทั้งหมดของมลรัฐอิลลินอยส์ มีมูลค่าประมาณ 18.8 พันล้านสหรัฐฯ
  • จำนวนร้านขายของชำ ซุปเปอร์มาร์เกตในนครชิคาโก มีมากกว่า 8,000 แห่ง
ประเภทและปริมาณการบริโภคอาหารของคนในนครชิคาโกเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา (ปี 2006)
เนื้อสัตว์-สัตว์ปีก

นครชิคาโก : 97 ปอนด์/คน

สูงสุดของประเทศ 120 ปอนด์/คน: ตอนกลางของรัฐ Texas

ต่ำสุด 31 ปอนด์ /คน: เมือง Boston รัฐ Massachusetts และ เมือง Providence รัฐ Rhode Island

ผักและผลไม้

นครชิคาโก: 205 ปอนด์/คน

สูงสุดของประเทศ 252 ปอนด์/คน : นครซานฟรานซิสโก

ต่ำสุด 143 ปอนด์ /คน: รัฐ Oklahoma และ Arkansas

อาหารสำเร็จรูป

นครชิคาโก: 328 ปอนด์/คน

สูงสุดของประเทศ: 347 ปอนด์/คน คือตอนกลางของรัฐ Pennsylvania และตอนเหนือของรัฐ New York

ต่ำสุด 229 ปอนด์/คน : นครนิวยอร์ก

น้ำอัดลม

นครชิคาโก 69 แกลลอน/คน

สูงสุดของประเทศ 252 แกลลอน/คน: คือ รัฐ Alabama, Kentucky, Mississippi และ รัฐTennessee

ต่ำสุดของประเทศ 49 แกลอน/คน : รัฐ Oregon และ รัฐ Washington

ขนมบรจจุห่อกินเล่น

(Packaged Sweet Snacks) ในนครชิคาโก มีปริมาณ 132 ปอนด์/คน ซึ่งได้รับ ความนิยมเช่นเดียวกันกับผู้บริโภค ในนครนิวยอร์ก และรัฐ Utah, Idaho, Nevada และ Nebraska

การบริโภคของคนอเมริกัน/ คน *ข้อมูลปี 2008

เนื้อสัตว์และปลา

สัตว์ปีก 72.6 ปอนด์

เนื้อวัว 61.2 ปอนด์

เนื้อหมู 46.0 ปอนด์

ปลา/สัตว์ทะเล 16.0 ปอนด์

จากสถิติ เมื่อปี 1909 ชาวอเมริกันบริโภคเนื้อไก่ ประมาณคนละ 10.4 ปอนด์ จนปี 2008 การบริโภคเนื้อไก่เพิ่มขึ้นประมาณคนละ 58.8 ปอนด์ อาหารอันดับ 1 ของชาวอเมริกันยังคงเป็น แซนวิช ไม่ว่าจะเป็น แซนวิชไก่ Turkey หรือแซนวิชเนื้อย่าง (Roast Beef) ใส่แผ่นชีส

ผักและผลไม้

ผักทุกประเภท 392.7 ปอนด์

ผลไม้ทุกประเภท 250.9 ปอนด์

ผักสด 187.7 ปอนด์

ผลไม้สด 126.8 ปอนด์

น้ำดื่ม

น้ำอัดลม 46.9 แกลลอน

น้ำขวด 28.5 แกลลอน

นม 20.7 แกลลอน

น้ำผลไม้ 19.8 แกลลอน

โอกาสของสินค้าไทย

ปัจจุบัน ปัจจัยด้านภาวะเศรษฐกิจ ความสนใจต่อสุขภาพพลานามัย รายได้ครอบครัวภาวะโรคร้อน ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม และ ความรับผิดชอบต่อสังคม ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงในด้านการผลิตและการบริโภคสินค้าอาหารในตลาดสหรัฐฯ

ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และ ร้านค้าปลีกจำหน่ายสินค้าอาหารในสหรัฐฯ ต่างตระหนักและให้ความสำคัญต่อภาวะการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการบริโภคสินค้าอาหาร และหันมาสนับสนุนและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และนำเสนอสินค้าอาหารที่พร้อมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร มีคุณค่าต่อสุขภาพ ราคาที่เหมาะสม รวมไปถึงการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ดังนั้น ผู้ผลิต/ส่งออกสินค้าอาหารของไทย ทั้งที่ส่งสินค้าไปขายแล้ว หรือรายใหม่ที่ต้องการขยายตลาดไปยังสหรัฐฯ ควรพิจารณาปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคสหรัฐฯ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น รวมถึงปัจจัยด้านสังคมและสภาพแวดล้อม และนำมาประยุกต์เข้ากับสินค้าไม่ว่าจะเป็นด้านคุณค่าทางอาหาร รสชาติ และ บรรจุภัณฑ์ที่ใช้

อนึ่ง ตลาดสินค้าอาหารในสหรัฐฯ แยกเป็น 2 ตลาด คือ ตลาด Mainstream ซึ่งได้แก่ ร้าน Grocery และ Supermarket และ ตลาด Foodservice ซึ่งได้แก่ Hotel และ Restaurants ในขณะที่ตลาด Foodservice มีมูลค่าตลาดประมาณ 550 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี และเป็นตลาดที่ผู้ผลิต/ส่งออกไทยยังละเลย ดังนั้น ผู้ผลิต/ส่งออกไทยที่ต้องการขยายตลาดสินค้าอาหารของไทยในสหรัฐฯ ควรพิจารณาบุกตลาด Foodservice ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารของไทย

ผู้ผลิต/ส่งออกสินค้าอาหารที่สนใจขยายตัวสู่ตลาด Foodservice ในสหรัฐฯ ควรจะพิจารณาเข้าร่วมงานแสดงสินค้า NRA Show, the International Foodservice Marketplace ซึ่งจะจัดขึ้นที่ ณ นครชิคาโกเป็นประจำทุกปีในเดือนพฤษภาคม NRA Show เป็นงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับอาหารและอุปกรณ์ของใช้ในธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) ที่ใหญ่ที่สุดของโลก และมีมูลค่าตลาดในสหรัฐฯ ประมาณปีละไม่ต่ำกว่า 550 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (17,500 พันล้านบาท) รายละเอียดของงานผู้สนใจดูรายละเอียดของงานแสดงสินค้าได้จาก Website ผู้จัดงาน : www.restaurant.org/show

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครชิคาโก

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ