นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กบอ.) กล่าวในรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน"เช้านี้ โดยยืนยันว่า ปีนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ และเขตเศรษฐกิจสำคัญแน่นอน แม้จำนวนมรสุมและปริมาณน้ำในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีก่อนก็ตาม เนื่องจากรัฐบาลได้มีการเตรียมรับมือและป้องกันน้ำท่วมไว้อย่างรอบด้านแล้ว
"ต่อให้น้ำเท่าปีที่แล้วก็จะไม่เหมือนปีที่แล้ว...เรามีเขื่อนเก็บกักน้ำ มีแก้มลิง ระบายน้ำได้ดีเพราะเราขุดลอกคูคลองไว้แล้ว ตอนนี้ทำไปได้ 60-70% พื้นที่สำคัญในเขตนิคมฯ ทำเขื่อนล้อมรอบหมด ริมแม่น้ำ ริมลำคลองยกพนังขึ้นหมดไม่ให้ล้นออกมา โดยเฉพาะคลองรังสิตเราทำเขื่อนใหม่กั้นตะวันตก-ตะวันออกตั้งแต่ต้นคลองจนถึงคลอง 13 รวม 25 กม. เพราะฉะนั้นถ้าน้ำท่วม จะไม่มีทางข้ามคลองรังสิตเข้ามา ดอนเมืองปลอดภัย" นายปลอดประสพ ยืนยัน
อย่างไรก็ดี การที่จะระบุว่าจะไม่ให้เกิดน้ำท่วมขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศนั้นคงไม่ได้ เพราะประเทศไทยตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่ม คงต้องมีน้ำท่วมในบางพื้นที่ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมชาติ โดยเฉพาะพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้องท่วมเป็นปกติในทุกปี เช่น สิงห์บุรี, อ่างทอง, ชัยนาท, นครสวรรค์, สุพรรณบุรี, พระนครศรีอยุธยา แต่เขตเศรษฐกิจนั้นถูกป้องกันไว้หมดแล้ว โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ซึ่งปีนี้จะไม่ให้เกิดน้ำท่วมอย่างแน่นอน
ประธาน กบอ. กล่าวว่า ตามที่ได้มีการออก พ.ร.ก.กู้เงินฯ จำนวน 3.5 แสนล้านบาทเพื่อมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำนั้น จนถึงขณะนี้ได้ใช้เงินไปแล้วราว 2.5 หมื่นล้านบาท โดยนำไปใช้เป็นงบประมาณในการขุดลอกคูคลองต่างๆ, การซ่อมแซมประตูระบายน้ำ, การยกระดับถนน, การเตรียมกล้าไม้สำหรับปลูกป่า และการสร้างเขื่อนกั้นน้ำให้แก่เอกชนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โดยโครงการที่คาดว่าต้องใช้เงินมากที่สุด คือ การทำเส้นทางผ่านของน้ำหรือฟลัดเวย์ และการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่
พร้อมเชื่อว่า โครงการเฉพาะหน้าเพื่อการป้องกันน้ำท่วมตั้งแต่พื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำจะแล้วเสร็จได้ทันตามกรอบที่กำหนดไว้ โดยภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้ โครงการทั้งหมดของพื้นที่ต้นน้ำจะแล้วเสร็จ ส่วนสิ้นเดือนมิ.ย.โครงการของกลางน้ำจะแล้วเสร็จ และภายในสิ้นก.ค.โครงการของพื้นที่ปลายน้ำและกทม.จะแล้วเสร็จ
นายปลอดประสพ ยังกล่าวถึงการดำเนินการร่วมกับกรุงเทพมหานคร(กทม.)ในการป้องกันปัญหาน้ำท่วมว่า รัฐบาลโดย กบอ.จะบริหารงานร่วมกับ กทม. และมีอำนาจสั่งการได้ตามกฎหมาย โดยยืนยันว่าจะไม่มีการทำงานแบบต่างคนต่างทำเหมือนเช่นปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีบทเรียนจากการทำงานในปีที่ผ่านมาแล้ว
"กบอ.ต้องสั่ง กทม.ได้ และ กทม.ต้องทำด้วย ถ้าไม่ทำติดคุก เพราะเป็นอำนาจทางกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของประชาชน เพราะคราวก่อนมันสอนเราแล้วว่าการที่ไม่ฟังกัน ต่างคนต่างคิดแล้วใครทุกข์ ประชาชน ประเทศชาติ ดังนั้นวันนี้ไม่มีข้อแม้ ไม่มีการเมือง เป็นเนื้อแท้ของความอยู่รอดของประเทศชาติ" นายปลอดประสพ กล่าว
อย่างไรก็ดี ภายใน 1 เดือนจากนี้รัฐบาลจะประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจทั้งจากในประเทศและต่างประเทศมาร่วมเสนอวิธีคิดในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเป็นการขอความเห็นเพิ่มเติมจากผู้ที่มีประสบการณ์ทั่วโลก โดยรัฐบาลจะเลือกนำวิธีที่คิดว่าดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดมาใช้ร่วมกับแผนบริหารจัดการน้ำที่ได้วางไว้
"ไม่ใช่ไม่มีแผน เรามีจนผ่านสภาฯ ไปแล้ว แต่เรารู้สึกว่าในโลกยังมีคนคิดเก่งกว่าเรา เราจะใช้โอกาสนี้ถามคนที่มีประสบการณ์มาให้ความเห็น และเราจะเลือกที่ดีที่สุดมาเริ่มทำ เราใช้เงินเรา แต่ดึงความรู้และความเก่งของทุกคนมาช่วยเรา" ประธาน กบอ.กล่าว