"สมคิด"ห่วงปัญหาสะสมกดศก.ไทยถดถอยตามรอยฟิลิปปินส์ล้มจากวิกฤติศรัทธา

ข่าวทั่วไป Thursday October 17, 2013 19:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวในการสัมมนา"จับชีพจรประเทศไทย"โดยแสดงความเป็นห่วงว่าประเทศไทยเดินตามรอยฟิลิปปินส์ หลังจากปัญหาของประเทศถูกสั่งสมมาเป็นเวลานานและไม่ได้รับการแก้ไขเริ่มจะเป็นตัวฉุดรั้งให้เศรษฐกิจของประเทศก้าวเข้าสู่การถดถอย
"ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่แต่ละฝ่ายจะออกมาถกเถียงกันว่าเศรษฐกิจประเทศถดถอยไปมากน้อยเพียงใด แต่สิ่งที่ควรตระหนักและให้ความสำคัญมากกว่าคือ ความตกต่ำทางเศรษฐกิจที่กำลังแสดงอาการอยู่นี้จะนำพาประเทศไปสู่จุดใดถ้าไม่ได้รับการแก้ไข"นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด ยกตัวอย่างว่าฟิลิปปินส์เข้าสู่ภาวะความล้มเหลวทางเศรษฐกิจจาก 3 เหตุผลหลัก คือ 1.การบริหารประเทศที่ผิด 2.ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น และ 3.การไร้ความพยายามในการปฏิรูปประเทศให้กลับมาเข้มแข็ง

"ถือว่าเป็นบาป 3 ประการที่ทำมาถึง 3-4 ทศวรรษจนทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนชาวฟิลิปปินส์ที่มีต่อรัฐบาล และทำลายระบบเศรษฐกิจ การเกษตร อุตสาหกรรม การสร้างทักษะ ความสามารถในการแข่งขัน เหล่านี้ทำให้คนฟิลิปปินส์ต้องอพยพไปขายแรงงาน คนที่มีการศึกษาดีๆ ต้องยอมลดเกรดตัวเองเพื่อให้อยู่รอดได้ในต่างประเทศ"นายสมคิด กล่าว

พร้อมมองว่า นักการเมืองฟิลิปปินส์ไม่มีความจริงใจในการปฏิรูปการเมืองเพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่ประชาธิปไตยหรือเศรษฐกิจประเทศให้ดีขึ้น แต่กลับปฏิรูปการเมืองโดยหวังผลเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้มากขึ้นและรักษาสถานะอำนาจของตัวเองให้คงอยู่

"ภาคการเมืองในฟิลิปปินส์จึงกลายเป็นกลไกของการแย่งชิงผลประโยชน์ จรรโลงอำนาจ ประเทศไทยเป็นอย่างนี้หรือเปล่า"นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด ยังชี้ให้เห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยที่ถดถอยในขณะนี้ มาจากการทรุดตัวพร้อมกันทั้ง 4 เสาหลัก คือ การส่งออก, การบริโภค, การลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะฟื้นตัวขึ้นมาได้ในระยะสั้น หรือหากเริ่มฟื้นได้ในช่วงต้นปีหน้า เศรษฐกิจไทยก็ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง เพราะปัญหาไม่ได้เป็นเพราะดีมานด์ลดลง แต่เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้าง

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังถือว่าโชคดีที่มีฐานที่แข็งแรงสะสมมา ทำให้เมื่อเกิดปัญหาอาจจะไม่แสดงอาการมาก และยังพอแก้ไขได้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือตัวของผู้นำประเทศที่จะต้องผลักดันประเทศให้กลับเข้ามาอยู่ในภาวะที่เข้มแข็ง กล้าคิดเอง กล้าสั่งการเอง คัดสรรคนเก่งเข้ามาทำงาน และกล้าที่จะขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ถูกต้อง

"ผู้นำมีความสำคัญมากในขณะนี้ ต้องผลักดันให้กลับมาสู่ภาวะเข้มแข็ง ผู้นำต้องรู้สถานการณ์ ถ้าไม่รู้ต้องหาคนที่รู้มาช่วยวิเคราะห์ เมื่อรู้แล้วก็ต้องหาทางแก้ไข เลือกใช้คนที่ทำงานเป็น และทำงานจริงจัง หากการเมืองเป็นเพียงสนามรบแห่งการแย่งชิงอำนาจ เน้นแค่ loyalty ไม่เน้นความสามารถ ก็จะเกิดสมรรถนะที่บกพร่องทั่วประเทศ ทุกระดับ และถ้าเกิดกับตัวหลักๆ ประเทศไทยก็จะทรุดในอัตราเร่ง" อดีตรองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าว

ขณะเดียวกันมองว่าประเทศไทยยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองสูงประเทศหนึ่งของโลก ดังนั้นต่อให้เป็นเพชรเม็ดงามในภูมิภาค แต่ปัญหาเรื่องนี้ก็จะทำให้นักลงทุนต่างประเทศต้องให้ความสำคัญสำหรับการตัดสินใจที่จะเลือกเข้ามาลงทุน

นายสมคิด กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัญหาของประเทศที่สั่งสมมา ถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้ไข เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนมีการเติบโตขึ้น ประเทศไทยก็จะสูญเสียโอกาส ซึ่งถ้าประเทศไทยสามารถแก้ไขได้ทันก็จะไม่ต้องเผชิญปัญหาเหมือนเช่นในฟิลิปปินส์ที่ประชาชนไม่มีความศรัทธาต่อกลไกการเมือง

"ฟิลิปปินส์เขาล้มจากภายใน เพราะศรัทธาประชาชนไม่มีต่อกลไกการเมือง หากการเมืองสร้างศรัทธาต่อประชาชนไม่ได้ ก็จะเป็น distrust society เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือสร้างศรัทธาขึ้นมา ตอนนี้ยังไม่ช้าเกินไป คนเก่งมีมาก แต่ต้องกล้าบริหารจัดการแบบมีศักดิ์ศรี เมืองไทยจะได้กลับมาดีขึ้น" นายสมคิด กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ