พท.ลั่นค่าแรง300บาทต้องทั่วปท.สกัดย้ายเข้ากรุง ตั้งเป้าวันละพันอีก9ปี

ข่าวการเมือง Friday July 15, 2011 10:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ อยากบอกว่าตัวเลข 300 บาทนั้น เป็นจำนวนที่เราวิเคราะห์กันแล้วว่าแรงงานสามารถอยู่รอดได้ และสาเหตุที่ต้องขึ้นให้ทั่วประเทศ เนื่องจากไม่ต้องการให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานทะลักเข้ามาในกรุงเทพฯ เราต้องการให้แรงงานกระจายอยู่ทั่วประเทศ อยู่ที่บ้านเกิด และเป็นการลดค่าใช้จ่ายเพราะอยู่กับครอบครัว ทำให้สังคมครอบครัวเข้มแข็ง เป็นการกระจายความเจริญสู่ต่างจังหวัด เพราะแรงงานจะไม่ไหลออกจากถิ่นกำเนิด เป็นการพัฒนาให้เกิดเมืองหลวงภูมิภาค เช่น ขอนแก่น สงขลา ภูเก็ต เชียงใหม่ นครสวรร ค์

นายปลอดประสพ กล่าวว่า ส่วนขั้นตอนในการดำเนินการนั้น มีอยู่ 2 ขั้นตอนคือ 1.ทำให้ได้พร้อมกันทั่วประเทศ และโดยเร็วที่สุด 2.ทำในบางพื้นที่ก่อน ยืนยันว่านโยบายนี้ไม่มีการยกเลิกแน่นอน และเป้าหมายเราไม่ใช่อยู่ที่ 300 บาทเท่านั้น แต่อยู่ 1000 บาท ในอีก 9 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดีที่เราได้หาเสียงไว้ว่าจะทำทั่วประเทศและทำทันทีนั้น ในความเป็นจริงคงทำไม่ได้ ก็ต้องเข้าใจว่าเป็นการพูดเพื่อหาเสียง แต่ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราตั้งใจจะทำให้ได้ เบื้องต้นที่ทำได้แน่นอนหลังจากได้เป็นรัฐบาลเรียบร้อยแล้วคือ ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนจะบ้างจังหวัดที่ได้ขึ้นค่ำแรงขั้นต่ำ 300 บาทแน่นอน และระยะเวลาเป้าหมายของเราคือใน 1 ปี จะทำได้ทั่วประเทศ ส่วนหลักเกณฑ์ในการเลือกจังหวัดที่ได้เพิ่มค่าแรงก่อน อาจจะดูจากรายได้ประชากร จำนวนแรงงาน ผู้ประกอบการ สภาพเศรฐ กิจของจังหวัดนั้นๆ

“เราก็รอและพร้อมฟังคำติติงคำแนะนำของนักวิชาการทุกเรื่อง แต่ยืนยันเรื่องนี้เป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในเรื่องของรายได้และเศรษฐกิจ" นายปลอดประสพ กล่าว

นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เราต้องรับฟังนักลงทุนภาคธุรกิจเอกชน แล้วมาคิดระบบปรับโครงสร้างค่าแรงขั้นต่ำให้ยืดยุ่นที่สุด อาจจะดูว่าจังหวัดไหนทำได้ทันที เช่น กรุงเทพฯ ปริมณฑล หรือจังหวัดที่มีค่าแรงไม่ห่างจาก 300 บาท มากนัก หรือจังหวัดแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พัทยา สมุย เราจะต้องดูในรายละเอียดเพื่อไม่ให้กระทบต่อภาคธุรกิจมากเกินไป SME ธุรกิจขนาดย่อม เราก็ต้องดูผลกระทบว่ามีอะไรบ้าง จะมีมาตรการอะไรจะช่วยได้บ้างนอกจาก การลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ในปี 55 และ จาก23% เหลือ 20% ในปี 56

“ยืนยันว่าเมื่อเริ่มนโยบายนี้ทุกจังหวัดจะได้รับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำหมด บางจังหวัดได้ขึ้นเต็ม 300 บาท บางจังหวัดอาจยังขึ้นไม่ถึง ซึ่งในกลุ่มจังหวัดที่ได้ไม่ถึง 300 บาท ก็ต้องมีมาตรการอื่นช่วยแรงงาน เพื่อไม่ให้แรงงานไหลออกไปอยู่ในจังหวัดที่ได้ค่าแรง300 บาท อาจจะเป็นมาตรการสร้างขีดความสามารถในการผลิต ยกระดับฝีมือแรงงาน" นายคณวัฒน์ กล่าว

เมื่อถามว่ามีข้อห่วงใยจากหลายหน่วยงานเช่นสภาอุตสาหกรรม มีความเป็นห่วงเรื่องการเพิ่มค่าแรง พร้อมเสนอว่าหากมีการปรับค่าแรงภาครัฐต้องเข้ามามีส่วนในการแบกรับภาระในการอุดหนุนส่วนต่าง นายคณวัฒน์ กล่าวว่า ทางพรรครับฟังและเห็นใจสภาอุตฯ ซึ่งหากทางพรรคได้จัดทำร่างนโยบายเสร็จสิ้นก็จะมีการเชิญทางสภาอุตฯและหน่วยงานอื่นๆมาขอความเห็นในร่างนโยบายที่เราได้ดำเนินการ ร่วมถึงพร้อมจะพูดคุกับภาคธุรกิจด้วย

นายคณวัฒน์ กล่าวว่า แน่นอนว่าการดำเนินนโยบายตรงนี้ จะต้องมีการปรับปรุงเม็ดเงินงบประมาณปี 2555 ให้ตรงกับยุทธศาสตร์ของพรรค เพราะเนื่องจากว่ากรอบงบประมาณที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ร่างไว้และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา มีหลายนโยบายไม่ตรงกับแนวนโยบายของทางพรรคเพื่อไทย เมื่อพรรคเพื่อไทยมาดำเนินนโยบายก็จำเป็นที่จะมีการปรับเปลี่ยนงบประมาณให้สอดคล้องกับนโยบาย

นายคณวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องของดำเนินการนโยบายที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ก็ยอมรับว่าในช่วงแรกอาจจะมีแรงกดดันที่ส่งผลทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่จะเป็นในช่วสั้นๆ แต่หลังจากนั้นเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้ ซึ่งปัจจุบันเงินเฟ้อเป็นผลมาจากต้นทุนการผลิต ที่วัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ใช่เกิดจากการบริโภคเกินตัวหรือปัจจัยทางด้นอุปสงค์ ทั้งนี้ในส่วนของแหล่งที่มาของเงินที่จะมาใช้ในการทำนโยบายจะมาจาก 3 ส่วนหลัก คือ 1.งบประมาณประจำปี 2.การออกพันธบ ตร 3.เงินลงทุนจากต่างประเทศ โดยนโยบายทั้งหมดที่จะเป็นการเติมเงินเพื่อกระตุ้นการซื้อในประเทศมั่นใจว่าจะทำให้การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจหรือจีดีพีในไตรมาสสุดท้ายจะดีกว่าที่หลายฝ่ายได้ประเมิณไว้ แต่ต้องมีการประเมินผลกระทบทางด้านเศรฐกิจของกลุ่มEU และปัญหาหนี้สินของสหรัฐอเมริกา ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยได้

นายคณวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายเร่งด่วนในเรื่องการแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพงนั้น ขณะนี้นายโอฬาร ไชยประวัติ อยู่ระหว่างการจัดทำสูตรมาตรฐานราคาสินค้าประมาณ 40 รายการ เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ในการควบคุมโครงสร้างต้นทุนเพื่อกำหนดราคาสินค้าในอนาคต ซึ่งในวันอังคารหน้าคาดว่าโอฬารน่าจะรวบรวมสูตรมาตรฐานเบื้องต้นในสิ้นค้าประมาณ 10 รายการเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายของพรรค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ