ปชน.แนะ พท.จับมือกันเป็นฝ่ายค้านเข้มแข็ง เลิกงอแงปมทำ MOA

ข่าวการเมือง Sunday September 7, 2025 18:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า กรณีที่ สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ร่วมกันเข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น สส.ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. และอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (2) ประกอบมาตรา 185 (1) และ (2) โดยอ้างว่าการทำบันทึกข้อตกลง (MOA) ระหว่างหัวหน้าพรรคทั้งสองนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายครอบงำและแลกเปลี่ยนผลประโยชน์นั้น พท.มีสิทธิวิจารณ์การตัดสินใจของ ปชน.ได้เต็มที่ ซึ่ง ปชน.พร้อมน้อมรับทุกความเห็นและทุกการตรวจสอบ แต่เหตุผลที่ สส.พท.ใช้ในการยื่นคำร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าการทำข้อตกลง MOA ของ ปชน.เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญและเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองนั้นมีความย้อนแย้งและไม่ส่งผลดีต่อความเข้มแข็งของประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ พท.ต้องการยึดมั่น

พท.ระบุว่าการทำข้อตกลงตามเงื่อนไข 3 ข้อหลักของ ปชน.ขัดรัฐธรรมนูญ แต่ก่อนที่ ปชน.จะตัดสินใจว่าจะทำข้อตกลงกับพรรคใด พท.เองเป็นฝ่ายที่ประกาศยอมรับทุกเงื่อนไขของ ปชน.หลังจากได้มีการหารือกันถึงรายละเอียดที่ทำการพรรค ปชน. ยังไม่นับถึงความพยายามของ พท.ก่อนหน้านั้นที่ได้ประกาศเงื่อนไขหรือข้อเสนอเพิ่มเติมจาก 3 ข้อเสนอหลักของ ปชน.

พท.ระบุว่าการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยขัดต่อหลักการประชาธิปไตย แต่นอกจากการมีอยู่ของรัฐบาลเสียงข้างน้อยจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และเคยเกิดขึ้นแล้วหลายครั้งในประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก ตัวแทน พท.ที่มาพูดคุยกับผู้บริหาร ปชน.ก็เข้าใจและยอมรับเองตั้งแต่วันนั้นว่าพร้อมจะคงสถานะความเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในห้วงเวลาก่อนยุบสภา หากมีการทำข้อตกลง MOA กับ ปชน.

การที่ พท.ระบุว่าการยุบสภาภายใน 4 เดือน ก่อนจะหมดวาระในเดือน พ.ค.70 อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ พท.เองกลับเป็นฝ่ายที่ยืนยันว่าพร้อมยุบสภาภายใน 4 เดือนเมื่อครั้งพยายามโน้มน้าวให้ ปชน.ทำข้อตกลง MOA ร่วมกับ พท. รวมถึงยังได้ยื่นข้อเสนอพิเศษหลังจากที่ ปชน.ได้ลงนามข้อตกลง MOA ไปแล้วว่าพร้อมยุบสภาทันที หาก พท.ยังยืนยันว่าจะใช้เหตุผลนี้ในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญแล้วเราจะตีความคำสัญญาที่ผ่านมาเรื่องการยุบสภากันอย่างไร?

พท.ระบุว่าการทำข้อตกลง MOA ต่าง ๆ ระหว่างพรรคการเมืองอาจขัดรัฐธรรมนูญหรือเข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง ทั้งที่ข้อตกลงนั้นล้วนถูกทำอย่างเปิดเผยและเกี่ยวข้องกับประเด็นทางสาธารณะ หาก พท.เชื่อแบบที่ยื่นคำร้องจริงก็เท่ากับเป็นความพยายามสร้างบรรทัดฐานให้พรรคการเมืองหลีกเลี่ยงการทำสัญญาประชาคมต่อหน้าประชาชนเกี่ยวกับจุดยืนหรือนโยบายสาธารณะ ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อแนวทางการทำการเมืองที่โปร่งใสและประชาชนมีส่วนร่วมที่ทุกฝ่ายน่าจะอยากเห็น

"พวกเราสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของพรรคเพื่อไทยต่อการตัดสินใจของพรรคประชาชน และยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเองเป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบมาก่อนหน้านี้จากกลไกของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่หากเราต้องการให้รัฐบาลภูมิใจไทยไม่เบี้ยวต่อข้อตกลงเรื่องยุบสภาและการปลดล็อกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และไม่กระทำการใด ๆ อันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาธิปไตยและกระบวนการยุติธรรมในช่วง 4 เดือนข้างหน้านี้ การทำงานหนักร่วมกันของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้านจะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตประเทศ มากกว่าการหักหาญหรือทำลายล้างกันด้วยกลไกนิติสงคราม" นายพริษฐ์ ระบุ

แน่นอนว่า ปชน.เคารพสิทธิของ พท.ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเป็นเอกเทศ โดยไม่ร่วมมือกับ ปชน. แต่ด้วยคณิตศาสตร์การเมืองในระบบรัฐสภา การร่วมมือกันในประเด็นที่เห็นตรงกันจะทำให้ฝ่ายค้านทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น เพราะจะมีเสียง สส.ของสองพรรครวมกันเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร

แม้ พท.กับ ปชน.ต่างมี สส.ของตนเองเพียงพอในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่หากต้องการจะล้มรัฐบาลได้ผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจในกรณีที่มีการเบี้ยวสัญญาหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ ความร่วมมือของสองพรรคมีส่วนสำคัญต่อการมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร แม้ พท.กับ ปชน.ต่างมีร่างกฎหมายของตนเองที่อยากผลักดันในสภาฯ แต่หากสองพรรคพูดคุยและตกลงกัน กฎหมายทุกฉบับที่สองพรรคเห็นตรงกันว่าควรผลักดัน ก็สามารถผ่านความเห็นชอบของสภาฯ ไปได้ ขณะที่กฎหมายทุกฉบับของรัฐบาลที่ทั้งสองพรรคเห็นตรงกันว่าไม่ควรให้ผ่านก็ไม่มีทางผ่านความเห็นชอบของสภาฯ ไปได้

แม้ พท.กับ ปชน.อาจมีมุมมองที่ต่างกันต่อการตัดสินใจของ ปชน.ที่ผ่านมา แต่หากทั้งสองพรรคร่วมกันคงความเป็นเอกภาพของ สส. ภายในพรรคตนเองได้สำเร็จ สถานะของรัฐบาลใหม่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยต่อไป และฝ่ายค้านจะทำงานได้ต่อไปในฐานะเสียงข้างมากในสภาฯ

การเมืองไทยควรมุ่งสู่การติดตามการรักษาสัญญา การตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล และการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้าในสภาฯ ให้เกิดผลแท้จริง แทนที่จะปล่อยให้การต่อสู้ทางการเมืองถูกลดทอนให้เหลือเพียงนิติสงครามเพื่อทำลายล้างกัน อันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ