"บุญยอด"ชี้พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านลบ.ควรถามความเห็นประชาชนด้วยการทำประชามติ

ข่าวการเมือง Friday March 29, 2013 15:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) อภิปรายถึงร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยเห็นว่าการกู้เงินในจำนวนมากถึง 2 ล้านล้านบาทเช่นนี้ รัฐบาลควรสอบถามความคิดเห็นของประชาชนก่อนด้วยการทำประชามติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 แต่รัฐบาลกลับไม่ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม

ซึ่งการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวเพียงไม่กี่วันนั้น ก็คงไม่สามารถอธิบายและสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนทั้งประเทศได้ ขณะเดียวกันแม้จะมีนักเศรษฐศาสตร์และนักวิชาการหลายคนออกมาคัดค้าน และมีข้อเสนอแนะเรื่องการกู้เงินครั้งนี้ แต่รัฐบาลกลับไม่รับฟัง

ในระหว่างการอภิปรายนายบุญยอด ได้นำบทสัมภาษณ์ของนายวิป วิญญรัตน์ คณะทำงานประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี บุตรชายนายพันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ได้รับงานจากรัฐบาลให้วิจัยเกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูง โดยเป็นผู้จัดนิทรรศการ "ไทยแลนด์ 2020" ทั้งๆ ที่นายวิป ไม่มีความรู้ด้านวิศกรรมและรถไฟความเร็วสูงเลย เพราะจบปริญญาตรีด้านปรัชญา ปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์

ด้านนายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการกู้เงินของรัฐบาล ขณะเดียวกันเห็นด้วยกับแนวคิดของผู้นำฝ่ายค้านที่มองว่ามีวิธีการหาเงินลงทุนได้ดีกว่านี้ เพื่อไม่เป็นการสร้างภาระหนี้ให้คนรุ่นหลัง พร้อมมองว่าการลงทุนของรัฐบาลผิดหลักแห่งความสมดุลที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพียงอย่างเดียว ทั้งที่โครงสร้างอื่นที่สำคัญหลายด้านยังมีปัญหา เช่น สาธารณสุข เทคโนโลยี ศักยภาพของแรงงานบุคลากรในประเทศ จนไปถึงความไม่สมดุลที่เลือกปฏิบัติลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่ เช่น พื้นที่ฝั่งตะวันตก และอีสานใต้ที่โครงการรถไฟรางคู่ไปไม่ถึง สร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่

พร้อมมองว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไม่ได้ตอบโจทย์การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมในภูมิภาคตามที่ประกาศต่อนานาประเทศได้ เนื่องจากไม่มีโครงสร้างที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศตามที่รัฐบาลอ้างไว้ อีกทั้งหลักการของร่าง พ.ร.บ.ยังไม่มีวินัยทางการเงิน โดยเฉพาะในมาตรา 6 และ 9 ที่ให้กระทรวงการคลังปล่อยกู้โครงการต่อ และให้อำนาจแก่คณะรัฐมนตรีในการบริหารโครงสร้างหนี้และเปลี่ยนแปลงการทำธุรกรรมทางการเงิน ประกอบกับกฎหมายร่วมทุนกับเอกชนที่จะทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ชี้แจงกรณีที่ฝ่ายค้านมีข้อสงสัยถึงการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงว่า รัฐบาลมีความชัดเจนในการกำหนดเส้นทางเดินรถไฟความเร็วสูง ในส่วนของต้นทางและปลายทางทั้ง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-หัวหิน ซึ่งการเริ่มโครงการก่อสร้างจะดำเนินการโดยภาครัฐทั้งหมด และส่วนต่อขยายไปยังหนองคายจะเป็นการร่วมทุนกับภาคเอกชน และราคาค่าก่อสร้างต่อกิโลเมตรที่มีการปรับขึ้นจาก 300 ล้านบาท/กม. เป็น 600 ล้านบาท/กม.นั้น เนื่องจากมีการปรับรูปแบบจากคันดินเป็นคอนกรีตเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัย

ส่วนที่หลายฝ่ายมองเรื่องการใช้พลังงานไฟฟ้านั้นยืนยันว่าระบบรถไฟความเร็วสูงใช้ไฟฟ้าเพียงร้อยละ 1 ของการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ