ร.ต.อ.
เฉลิม อยู่บำรุง รอง
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นาย
สมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องให้
ศาลรัฐธรรมนูญระงับการพิจารณาร่าง
แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมาตรา 237 ว่าเป็นสิทธิสามารถทำได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการมองต่างมุม แต่ส่วนตัวมองว่าการแก้ไขมาตรา 68 ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการละเมิดสถาบันให้ยื่นต่ออัยการสูงสุดเพียงช่องทางเดียว จากเดิมที่สามารถให้ประชาชนยื่นต่อ
ศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรงนั้นไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากอัยการสูงสุดเป็นองค์กรที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ อีกทั้งไม่ได้เป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชน เนื่องจากอัยการสูงสุดมีขั้นตอนการพิจารณาคดีต่างๆ ที่ซับซ้อนและเชื่อถือได้ จึงไม่เข้าใจว่าถ้าไม่เชื่ออัยการสูงสุดแล้วจะไปเชื่อใคร
"ถ้าคุณไม่เชื่ออัยการแล้วประเทศนี้จะอยู่กันอย่างไร คดีความต่างๆ อัยการก็เป็นผู้ดูความเห็นสอดคล้องและไม่คล้อง พอถึงศาลชั้นต้น หากมีการยกฟ้อง อัยการอุทธรณ์ได้ หรือ 2 ศาลไม่ตรงกัน อัยการฎีกาได้" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
พร้อมระบุว่า ไม่หวั่นไหวหากจะมีการนำเรื่องดังกล่าวไปยื่นยุบพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว และไม่เชื่อที่จะมีกลุ่มงูเห่าในพรรคเกิดขึ้น และมีการพลิกขั้วทางการเมืองจัดตั้งรัฐบาลใหม่เหมือนที่ผ่านมา พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีกลุ่มงูเห่าแน่นอน
"ไม่สามารถพูดออกไปก่อนได้ เพราะยังไม่เห็นคำวินิจฉัยของศาล แต่หากเกิดการยุบพรรค ก็แค่ตั้งพรรคใหม่" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ส่วนกรณีนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ จะเร่งรัดผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อจะนำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับประเทศไทยนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สิ่งที่นายขวัญชัย ทำอยู่ตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดง เนื่องจากนายขวัญชัย ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดงแล้ว แต่ที่ทำไปคงเพราะรัก พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ยอมรับว่าตนหนักใจกับเรื่องดังกล่าว และไม่ขอตอบว่าจะสามารถพาอดีตนายกรัฐมนตรีกลับยังประเทศไทยได้เมื่อใด
อินโฟเควสท์ โดย สุวิมล ภูมิคำ/กษมาพร/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์:
[email protected]