TDRI แนะพรรคการเมืองแจงทุนนโยบายหาเสียง-จี้นักวิชาการร่วมตรวจสอบ

ข่าวการเมือง Tuesday January 7, 2014 12:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พรรคการเมืองควรต้องมีการแถลงต้นทุนของนโยบายที่ใช้หาเสียงและแหล่งที่มาของรายได้ โดยชี้แจงว่านโยบายที่ใช้หาเสียงกันนั้นใช้เงินเท่าไหร่จะเอารายได้จากที่ไหน ไปทำให้นโยบายนั้นเกิดขึ้นได้จริง อย่าให้เหมือนกับนโยบายจำนำข้าวที่จนบัดนี้ยังไม่รู้ว่าขาดทุนหรือกำไรเท่าไหร่ ขณะเดียวกันนักวิชาการควรช่วยกันตรวจสอบต้นทุนของนโยบายพรรคการเมืองใหญ่ที่ใช้หาเสียง

พร้อมระบุว่า นโยบายที่เราเรียกกันว่าประชานิยม ไม่ว่าจะเป็น จำนำข้าว, รถคันแรก, 30 บาทรักษาทุกโรค, เช็คช่วยชาติ, การอุดหนุนราคาพลังงาน ความจริงแล้วไม่ได้เหมือนกันไปทั้งหมด แต่ละนโยบายมีความแตกต่างกัน อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรค จะเห็นว่าเป็นนโยบายที่มีความยั่งยืนทางการคลัง รัฐบาลเตรียมเงินไว้ว่าจะต้องใช้ในแต่ละปีต่อหัวคนไข้เท่าไหร่ ไม่ทำลายกลไกตลาด เพราะเป็นการไปสู่ตลาดที่ช่วยคนจนและสร้างความสามารถทำให้คนมีสุขภาพดี

แต่นโยบายอย่างเช่น การอุดหนุนราคาพลังงานนั้นไม่ยั่งยืน การตั้งกองทุนพลังงานเพื่อมาอุดหนุนแต่ถ้าเกิดราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นกองทุนพลังงานก็จะเจ๊ง เพราะฉะนั้นนโยบายแบบนี้อยู่ได้ไม่นานไม่ยั่งยืน ทำลายกลไกตลาดและไม่สร้างความสามารถให้ภาคอุตสาหกรรม ให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างประหยัด เพราะราคาพลังงานบางอย่างมันถูกเกินจริง

ส่วนนโยบายจำนำข้าว รถคันแรก เช็คช่วยชาติ ก็ล้วนเป็นนโยบายที่ไม่ยั่งยืนเช่นกัน นโยบายที่ถูกเรียกว่าประชานิยมส่วนใหญ่จึงไม่ได้ช่วยคนจนอย่างแท้จริง

"เราจึงไม่ควรเหมาว่านโยบายประชานิยมทุกอย่างแย่ไปหมด ควรแบ่งว่า นโยบายประชานิยมที่ดีก็มี ส่วนนโยบายประชานิยมที่สร้างปัญหา เป็นประชานิยมที่แย่จริงๆ ขอเรียกว่าเป็นนโยบายไร้ความรับผิดชอบ ประชานิยมที่ดีก็ควรคงไว้ อะไรไม่ดีก็ควรทบทวนให้เลิก และอย่าไปดูว่าเป็นนโยบายที่เริ่มจากรัฐบาลไหนแล้วจะต้องดีหรือแย่ทุกนโยบาย เพราะจะเห็นว่าทุกรัฐบาลมีทั้งนโยบายที่ดีและนโยบายที่ไม่ดี"นายสมเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ประชานิยมกับเรื่องการกระจายรายได้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันมาก โดยส่วนหนึ่งของนโยบายประชานิยมก็เพื่อช่วยคนจนช่วยให้เกิดการกระจายรายได้ ปรากฎการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับประเทศที่กำลังเป็นประชาธิปไตย ประชาธิปไตยจะมาพร้อมกับแรงกดดันให้เกิดการกระจายรายได้

อย่างไรก็ตาม ประชานิยมไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย โดยได้ยกตัวอย่างประสบการณ์ของประเทศในอเมริกาใต้ ซึ่งมีความแตกต่างทางรายได้สูงมาก พอเริ่มเป็นประชาธิปไตยก็เกิดปัญหาเกิดเป็นวัฏจักรประชานิยม ซึ่งประชานิยมพอเริ่มใช้แล้วจะมีลักษณะคล้ายยาสเตอรอยด์ เหมือนยาเสพติดที่เลิกได้ยาก คือ เมื่อมีนโยบายประชานิยมพอใช้ไปนาน ๆ เกิดการใช้เงินไม่ระมัดระวังก็จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในที่สุดก็ต้องรัดเข็มข้ด เมื่อรัดเข็มชัดคนก็เดือดร้อน สุดท้ายผู้นำประชานิยมก็กลับขึ้นมาอีกเมื่อเศรษฐกิจฟื้น มาหาเสียงว่าจะมีนโยบายลดแลกแจกแถมให้ประชาชนมีความสุข แล้วก็กลับไปสู่วัฏจักรประชานิยมอีก

ส่วนทางออกสำหรับนโยบายประชานิยมระยะกลาง-ระยะยาว ได้แก่ 1.ต้องลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ด้วยการให้สวัสดิการสังคมที่ดี และการศึกษาที่มีคุณภาพที่จะทำให้คนไม่ต้องรอพึ่งรัฐบาลอยู่ร่ำไป 2.สร้างวินัยทางการคลัง จำกัดการขาดดุลของรัฐ โดยออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 167 และ 3.ควรมีการตั้งสำนักงบประมาณของรัฐสภา ขึ้นมาสนับสนุนรัฐสภาในการพิจารณางบประมาณและให้ข้อมูลแก่สาธารณะ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ