รมช.คลังตอบกระทู้สนช.ปมตั้งขรก.นั่งบอร์ดรสก.มีประโยชน์ทับซ้อน ยันไร้กังวลเหตุมีกม.คุม

ข่าวการเมือง Friday March 4, 2016 14:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมได้พิจารณากระทู้ถามของนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช.เรื่องปัญหาข้าราชการระดับสูงที่ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในองค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจได้รับผลประโยชน์ทับซ้อนจากบริษัทเอกชน โดยถามไปยังนายกรัฐมนตรี ซึ่งมอบหมายให้นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เป็นผู้ตอบกระทู้แทน

นายวัลลภ กล่าวว่า การแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงไปดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการต่าง ๆ ในองค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการหรือเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชนแห่งใดแห่งหนึ่ง และมักเป็นบริษัทที่มีความเกี่ยวพันกับการได้ผลประโยชน์จากองค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจที่ข้าราชการระดับสูงผู้นั้นดำรงตำแหน่งอยู่ เช่น คณะกรรมการปิโตรเลียม คณะกรรมการบริหาร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือบอร์ด ปตท., คณะกรรมการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นต้น ซึ่งมักเป็นที่วิจารณ์ว่าข้าราชการเหล่านี้มีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงที่ไปเป็นคณะกรรมการด้านการเงินหรือด้านพลังงานบางราย และยังเป็นกรรมการของบริษัทเอกชนที่ดำเนินกิจการด้านพลังงาน จึงมีความสงสัยว่ากำไรจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นมีผลโดยตรงต่อเบี้ยประจำเดือน เบี้ยประชุมและโบนัสของกรรมการ

ทั้งนี้ถือเป็นรับประโยชน์หรือผลตอบแทนจากบริษัทเอกชนเป็นการขัดกับหลักธรรมาภิบาล จึงขอถามว่า ข้าราชการระดับสูงนี้ที่ไปดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการในองค์กรหรือรัฐวิสาหกิจ หรือผู้บริหารบริษัทเอกชนมีมากน้อยเพียงใด เกิดปัญหาเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ และรัฐบาลมีแนวทางหรือนโยบายที่จะป้องกันหรือแก้ไขปัญหาอย่างไร

โดยนายวิสุทธิ์ ชี้แจงว่า การแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงไปดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการต่าง ๆ ในองค์การหรือรัฐวิสาหกิจเป็นไปตาม พ.ร.บ. คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2550 ซึ่งยอมรับมีช่องว่างหรือช่องโหว่ แต่ไม่ได้ผิดกฎหมายเพราะได้เปิดช่องว่างไว้ เช่น คนที่จะเป็นกรรมการในบริษัทลูกหรือบริษัทคู่สัญญาของรัฐวิสาหกิจนั้น

ทั้งนี้ คนที่ไปนั่งต้องได้รับมอบหมายคณะกรรมการจากบริษัทแม่ ในเรื่องที่ข้าราชการระดับสูงไปทำหน้าที่เป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทลูกนั้น มีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฏีกาเมื่อปี 2539 ระบุว่า รัฐวิสาหกิจเป็นองค์กรของรัฐต้องมีระบบควบคุมเพื่อให้รัฐวิสาหกิจนั้นดำเนินการสนองประโยชน์และนโยบายของรัฐ การตั้งคนไปเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้นเป็นวิธีการควบคุมอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกรรมการตามกฏหมายหรือการแต่งตั้งจึงมี 2 บทบาทคือเป็นกรรมการบริหารและเป็นการปฏิบัติงานควบคุมการบริหารของรัฐวิสาหกิจ ถือเป็นการควบคุมกำกับด้วย

อย่างไรก็ดี รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในการกำกับรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีทรัพย์สินใกล้เคียงกับจีดีพีของประเทศ โดยได้เข้ามากำกับและดูแล เช่น เรื่องสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เห็นว่ามากเกินไปก็ได้มีการปรับลดให้เข้ากับภารกิจของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ และยังเข้าไปดูเรื่องธรรมาภิบาล ความโปร่งใส การจัดซื้อจัดจ้าง

นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้มีการยกร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจหรือโฮลดิ้งเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งร่างดังกล่าวจะมีการแยกแยะหน้าที่ นโยบาย การบริหารงาน ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ทับซ้อนชัดเจน มีกระบวนการสรรหาคณะกรรมการ ซึ่งแตกต่างจากอดีตที่มีนักการเมืองเข้ามาเป็นกรรมการ แต่ในร่างนี้มีกรรมการสรรหาเพื่อให้ได้กรรมการที่เหมาะสมไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ