สภาฯ ผ่านงบประมาณรายจ่าย งบกลางปี 63 ในวาระ 2 วงเงิน 5.18 แสนลบ.

ข่าวการเมือง Wednesday January 8, 2020 18:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 มาตรา 6 งบประมาณรายจ่ายงบกลาง 518,770 ล้านบาท ส่วนใหญ่มีการสงวนคำแปรญัตติเกี่ยวกับเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 96,000 ล้านบาท

โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย ได้อภิปรายขอให้ปรับลดเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จากที่ตั้งไว้ 96,000 ล้านบาท ปรับลด 56,000 ล้านบาท เนื่องจากเห็นควรใช้งบประมาณตามที่จำเป็น เพราะระยะเวลาปีงบประมาณ 2563 เหลืออยู่อีกไม่กี่เดือน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย อภิปรายขอตัดงบกลาง 20,000 ล้านบาท โดยกังวลว่าจะมีการใช้งบประมาณผิดประเภทไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ หรืออาจจะนำไปจ่ายค่าเสียหายกรณีปิดเหมืองทองอัครา อีกทั้งยังมีงบสำรองอีก 50,000 ล้านบาท ซึ่งสำรองไว้นอกงบประมาณตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณปี 2561 ไว้อยู่แล้ว

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย เสนอปรับลดงบกลางในส่วนเงินค่าชดเชยสิ่งก่อสร้างจาก 500 ล้านบาท ปรับลดลง 200 ล้านบาท เนื่องจากปีที่ผ่านๆ มา ตั้งแต่ปี 2561 ใช้งบส่วนนี้ไม่เกิน 300 ล้านบาทอยู่แล้ว และเสนอปรับลดเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 96,000 ล้านบาท ปรับลด 30,000 ล้านบาท ให้เหลือเพียง 66,000 ล้านบาท เนื่องจากเงินงบประมาณส่วนนี้ใช้เฉพาะกรณีป้องกันหรือแก้ไขในสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ความมั่นคงของรัฐการ เยียวยาหรือชดเชยบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะร้ายแรง และภารกิจที่จำเป็นเร่งด่วนของรัฐ และเหลือเวลาปีงบประมาณ 2563 มีเพียง 6 เดือนเท่านั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณถึง 96,000 ล้านบาท พร้อมตั้งข้อสังเกตการตั้งงบประมาณไว้สูง เนื่องจากรัฐบาลต้องการนำเงินไปจ่ายชดเชยหากแพ้คดีเหมืองทองคำอัคราใช่หรือไม่

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ มองว่า การตั้งงบประมาณไว้สูงไม่ได้เพื่อแก้ปัญหา แต่เพื่อไปจ่ายค่าโง่ในหลายกรณี โดยเฉพาะชดเชยหากแพ้คดีเหมืองทองคำอัครา และไม่มีสิ่งใดการันตีได้ว่าการใช้งบประมาณเหล่านี้จะถูกต้องตามวัตถุประสงค์ เพราะมีบทเรียนจากการใช้เงินงบประมาณของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในอดีตมาแล้ว และยังมีการเบิกจ่ายงบย้อนให้กองทัพถึง 3 ปี ทำให้ดูเหมือนว่ารัฐบาลเสพติดการเบิกจ่ายงบกลางเพราะสามารถทำได้ภายใต้อำนาจของตัวเอง

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย อภิปรายเสนอปรับลดเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 96,000 ล้านบาท ให้ลดลงอีก 15% เนื่องจากรัฐบาลสำรองไว้เกินความจำเป็น พฤติกรรมการใช้เงินของรัฐบาลมีความน่าสงสัย ใช้เงินไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของเงินสำรองจ่ายเพื่อฉุกเฉินหรือจำเป็น และมองว่าเงินสำรองจ่ายตั้งเกินกว่าความจำเป็นถึง 69% แล้วยังมีเงินสำรองจ่ายอีก 50,000 ล้านบาท ใน พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณปี 2561 ขณะที่พฤติกรรมการใช้จ่ายเงิน ก็นำไปใช้กับมาตรการแจกเงินอย่างโครงการชิมช้อปใช้ ที่กระตุ้นการใช้จ่ายจาก G-Wallet ได้เพียง 1,548 ล้านบาท จากเป้าหมาย 60,000 ล้านบาท, ใช้งบประมาณ 573 ล้านบาท ซื้อเครื่องตรวจจับความเร็ว 849 เครื่อง เครื่องละ 685,000 บาท ขณะที่ราคาตลาดอยู่เครื่องละ 130,000 บาท และใช้งบ 2,860 ล้านบาท ซื้อรถเกราะล้อยาง M1126 STRYKER มือสอง 37 คัน คันละ 80 ล้านบาท ทั้งที่ราคาตลาดอยู่ประมาณ 47 ล้านบาทเท่านั้น

นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายงบกลาง 518,770 ล้านบาท โดยเสนอปรับลด 10% โดยชี้ว่าการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่าย เป็นไปเพื่ออำนวยความสะดวกการบริหารราชการแผ่นดินมากกว่าประชาชน และการใช้กรณีประสบภัยธรรมชาติก็ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับผู้ประสบภัยทุกราย และไม่ปรากฏงบประมาณประกันรายได้เกษตรกรในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย โดยเสนอขอให้ตั้งงบประมาณในสัดส่วนกระทรวงที่รับผิดชอบโดยตรง

จากนั้น ที่ประชุมได้ลงมติผ่านงบกลางในวาระ 2 ด้วยคะแนน 239 ต่อ 78 งดออกเสียง 148 และพิจารณามาตรา 7 ซึ่งเป็นงบในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรีต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ