"ยงยุทธ"ยันลาออกจากตำแหน่งประธานสภาฯเพื่อรักษาภาพลักษณ์ฝ่ายนิติบัญญัติ

ข่าวการเมือง Wednesday April 30, 2008 19:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของฝ่ายนิติบัญญัติไม่ให้มัวหมอง เนื่องจากต้องเดินทางไปขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อสู้คดีที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ให้ใบแดงในวันที่ 2 พ.ค.นี้ โดยยืนยันไม่มีนัยทางการเมืองและผลประโยชน์แอบแฝง
"ขอถือโอกาสนี้อำลาตำแหน่งประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่จริงผมตั้งใจจะลาออกตั้งแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติยื่นเรื่องให้ศาลฎีกาฯ ผมไม่อยากให้มองเห็นว่าหัวหน้าฝ่ายนิติบัญญัติต้องไปยืนอยู่กลางศาลและถูกไต่สวนเพราะเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของฝ่ายนิติบัญญัติจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีความสง่างาม" นายงยุทธ เปิดแถลงข่าวลาออกที่รัฐสภาเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา
นายยงยุทธ ยืนยันว่า การลาออกครั้งนี้ไม่มีนัยทางการเมืองและไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องที่จะชี้ให้สังคมเห็นว่า นักการเมืองนั้นใจลึกๆ แล้วไม่ได้ชั่วร้ายที่จะแสวงหาอำนาจและคิดถึงแต่ผลประโยชน์ แต่ยังห่วงความเป็นไปของบ้านเมืองในขณะนี้มากที่สุด
นายยงยุทธ ชี้แจงว่า ขณะนี้ตนเองถูกฟ้องร้อง 3 คดี ได้แก่ คดีใบแดงของ กกต., คดีที่ถูกนายทหารฟ้องว่าไปกล่าวหาจนทำให้กองทัพได้รับความเสียหาย และคดีที่มีการร้องว่าตนเองสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนโดยไม่ได้ลงนามจริง
"คงไม่ต้องบอกว่าผมถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกเขียนมาเพื่อเป็นกับดักนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ นักนิติศาสตร์ทั้งหลายคงไม่ต้องตีอกชกหัวตัวเองว่ามีการกลั่นแกล้ง ผมยอมรับว่าใครที่มีอำนาจก็มักจะเป็นผู้ที่ถูกเสมอ" นายยงยุทธ กล่าว
สำหรับการลาออกของตนเองในครั้งนี้ไม่มีผลต่อคดี ที่บอกว่าเสมือนว่าตนเองเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมนั้นไม่มี ขอให้กลุ่มคนที่บิดเบือนเข้าใจด้วยว่าตนเองไม่ได้ประโยชน์แต่จะรักษาสถาบันนิติบัญญัติเอาไว้ และถึงแม้ตนเองจะไม่ได้ทำงานหรือพักงานก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีประธานสภา
"ที่พูดว่าการลาออกครั้งนี้เพื่อที่จะมาคุมเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นยืนยันว่าไม่มีผลใดๆ เพราะข้อบังคับกำหนดชัดเจนว่าให้เลือกสมาชิกมาเป็นประธานสภาฯทำหน้าที่ชั่วคราวได้ทุกขณะ" นายยงยุทธ กล่าว
นายยงยุทธ กล่าวว่า สิ่งที่ตนเองเป็นห่วงที่สุดคือ ความแตกแยก ความขัดแย้งของคนในสังคม การสร้างสิ่งต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อกัน การแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อทำลายล้างซึ่งกันและกันนั้น นับวันก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นมากขึ้น และตนเองไม่เคยเห็นประวัติศาสตร์ของประเทศไหนที่จะทำให้เกิดความเข้มแข็งถ้าคนในชาติแตกแยกกัน
"วันนี้ขอเป็นเหยื่อความขัดแย้ง ขอเป็นคนสุดท้ายเพื่อจัดที่จัดทางให้คนได้อยู่อย่างสงบสุข ไม่มีใครที่บอกว่าเป็นโจรเป็นคนชั่วแล้วจะต้องเอาไปฆ่าโดยที่กระบวนการยุติธรรมยังไม่ไปถึงไหน...ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดกลัวต่อนักลงทุนต่อประชาชนเกรงว่าจะมีเหตุนองเลือดหรือจะนำไปสู่การปฏิวัติอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ ในที่นี้หมายถึงผู้ใหญ่ที่ทำงานต่างพระเนตรพระกรรณของพ่อของชาติ คือ ในหลวงของเรา ที่จะสามารถลงมาช่วยเหลือจัดที่จัดทางให้กลุ่มที่ขัดแย้งกันได้มีการพูดคุยกัน" นายยงยุทธ กล่าว
นายยงยุทธ กล่าวว่า ก่อนที่ตนเองจะดำรงตำแหน่งนี้เคยได้คุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งว่า หากท่านรับที่จะพูดคุยกับทุกฝ่ายเพื่อลดความขัดแย้ง ตนเองก็ยินดีที่จะลาออกจากทุกตำแหน่ง แต่ผู้ใหญ่ท่านนั้นบอกว่าให้ไปทำในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ฉะนั้นวิบากกรรมของประเทศเราในวันนี้ เรากำลังจะรอให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นเสียก่อนแล้วถึงมาคุยกันถือว่าน่าเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม นายยงยุทธจะยังคงสถานะเป็น ส.ส.ต่อไป และยอมรับว่าได้แจ้งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รับทราบแล้วในฐานะที่เคยเป็นผู้บังคับบัญชามาก่อน ส่วนผู้ที่จะมาเป็นประธานสภาคนใหม่นั้นขึ้นอยู่กับทางพรรคพลังประชาชนที่จะไปปรึกษากับพรรคร่วมรัฐบาล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ