อัยการเชื่อศาลฯ ไม่เลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดา

ข่าวการเมือง Tuesday September 16, 2008 18:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูงเขต 8 หนึ่งในคณะทำงานรับผิดชอบคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก เชื่อว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าวลับหลังจำเลยตามที่นัดไว้ในวันพรุ่งนี้(17 ก.ย.)เนื่องจากมีข้อเท็จจริงตามรายงานกระบวนพิจารณาคดีชี้ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา หลบหนีไม่มาศาล ซึ่งศาลฎีกาฯ ได้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองไปแล้วแต่ยังไม่ได้ตัวมา
"เชื่อว่าหากพรุ่งนี้จำเลยไม่มาฟังคำพิพากษาก็มีความเป็นไปได้ที่ศาลฯจะอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย" นายนันทศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ตามรายงานกระบวนพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นนัดสืบพยานจำเลยนัดสุดท้าย จำเลยทั้งสองหลบหนีไม่มาศาล และศาลมีคำสั่งให้โจทก์-จำเลยยื่นคำแถลงปิดคดีในวันที่ 10 ก.ย.51 ซึ่งอัยการยื่นคำแถลงปิดคดีไปโดยถูกต้องแล้วและศาลรับไว้ โดยไม่มีคำสั่งใดๆ ออกมาอีก อีกทั้งยังปรากฏว่าศาลฎีกาฯ ได้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 11 ส.ค.51 กรณีที่ไม่เดินทางมารายงานตัวต่อศาลฎีกาฯ หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศแล้ว และจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดตามตัวจำเลยทั้งสองได้
นายนันทศักดิ์ กล่าวว่า แม้ตามกฎหมายจะต้องให้อ่านคำพิพากษาต่อหน้าจำเลย แต่คดีนี้ศาลฎีกาฯ อนุญาตให้สืบพยานลับหลังจำเลย และในรายงานกระบวนพิจารณาคดีศาลฎีกาฯ เคยระบุว่า แม้จำเลยทั้งสองอยู่ต่างประเทศ แต่ก็ถือว่าตัวจำเลยยังอยู่ในอำนาจศาล ดังนั้นอาจไม่ต้องออกหมายจับจำเลยอีกและเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปอีก 30 วัน
อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาฯ จะเลื่อนอ่านคำพิพากษาหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ และในวันพรุ่งนี้อัยการไม่จำเป็นต้องแถลงต่อศาลฎีกาฯ ว่าจำเลยทั้งสองหลบหนีไปอีก เพราะข้อเท็จจริงปรากฏในกระบวนพิจารณาของศาลแล้ว หากศาลอ่านคำพิพากษาทันทีและเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องก็จะออกหมายจับจำเลยมารับโทษ แต่ถ้าศาลพิพากษายกฟ้องกระบวนการทางคดีก็ยุติลง
นายนันทศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้มีความแตกต่างจากคดีของนายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย เพราะระหว่างการพิจารณาคดี นายวัฒนาเดินทางมาศาลเกือบทุกนัด และขณะที่ศาลมีคำสั่งนัดฟังคำพิพากษานายวัฒนาก็ยังไม่ได้หลบหนี กระทั่งวันพิพากษานายวัฒนาไม่ได้มาศาลจึงถูกออกหมายจับ และเมื่อยังไม่ได้ตัวมาภายใน 30 วันหลังจากออกหมายจับ ศาลฎีกาฯ จึงอ่านคำพิพากษาลับหลัง
แต่ในกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน หลบหนีไปตั้งแต่ชั้นพิจารณาโดยไม่มารายงานตัวหลังจากเดินทางไปต่างประเทศ จนถูกออกหมายจับ ซึ่งศาลฎีกาฯ ไม่ได้สั่งจำหน่ายคดีเพื่อพักการพิจารณาคดี แต่ได้กำหนดนัดฟังคำพิพากษาเลย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ