ศาล ปค.ห้าม SCB ส่งบัญชีเงินฝาก"โอ๊ค-เอม"ที่ถูก คตส.อายัดไปให้สรรพากร

ข่าวการเมือง Thursday November 20, 2008 18:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศาลปกครองกลาง คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)ระงับการส่งเงินในบัญชีเงินฝากของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา บุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) มีคำสั่งอายัดไว้เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.50 ไปให้กรมสรรพากรจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

"หากให้ผู้ฟ้องส่งเงินในบัญชีเงินฝากของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ที่ถูก คตส.อายัดไว้ให้กับผู้ถูกฟ้องแล้ว ถ้าภายหลังผู้ฟ้องต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ อาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ฟ้อง ซึ่งยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลังเนื่องจากเป็นเงินจำนวนสูงมาก อีกทั้งหากศาลปกครองมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวแล้วก็ไม่ปรากฏว่าจะมีผลกระทบต่อการบริหารงานของรัฐ กรณีจึงมีเหตุอันสมควรที่ศาลจะกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาตามคำขอผู้ฟ้องคดี" คำสั่งศาลปกครอง ระบุ

ศาลฯ เห็นว่า หาก SCB จะส่งเงินในบัญชีเงินฝากให้กับกรมสรรพากร หรือระงับการส่งเงินให้กรมสรรพากรย่อมอยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี เนื่องจากทั้ง คตส.และกรมสรรพากรต่างออกคำสั่งอายัดทรัพย์รายการเดียวกันโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย SCB จึงอยู่ในฐานะยากลำบากต่อการปฏิบัติทางใดทางหนึ่ง ประกอบกับขณะนี้คดีที่เกี่ยวพันกับการบังคับทรัพย์สินดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองและศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

คดีนี้ SCB ยื่นฟ้องเรื่องพิพาทเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่ง SCB ขอให้ศาลทบทวนคำสั่งกรมสรรพากรที่ให้อายัดห้ามธนาคาร จำหน่าย จ่ายหรือโอนสิทธิ เรียกร้องเงินในบัญชีเงินฝากของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา และมีคำสั่งให้ SCB นำส่งเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร เพื่อชำระค่าภาษีอากรค้าง เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มที่คำนวณจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.50 ของนายพานทองแท้ จำนวน 6,075,498,993.21 บาท และ น.ส.พิณทองทา จำนวน 6,075,236,235.38 บาท ซึ่งเป็นคำสั่งอายัดซ้อนกับคำสั่งอายัดของ คตส.

ทั้งนี้ ศาลปกครองพิจารณาคำฟ้องและเอกสารที่ได้จากการไต่สวนคู่ความและบทบัญญัติกฎหมายแล้ว ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนว่า คำสั่งอายัดของ คตส.ลงวันที่ 11 มิ.ย.50 อาศัยอำนาจตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 30 ลงวันที่ 30 ก.ย.49 ส่วนคำสั่งอายัดของกรมสรรพากรอาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 จึงเห็นได้ว่า หน่วยงานทางปกครองทั้งสองแห่งอาศัยอำนาจตามกฎหมายคนละฉบับออกคำสั่งอายัดในทรัพย์สินรายการเดียวกัน

ปรากฏภายหลังที่ คตส.มีคำสั่งอายัดแล้ว เมื่ออัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำเลยว่าร่ำรวยผิดปกติ ต่อศาลฎีกาฯ ได้ขอให้ทรัพย์สินที่ คตส. สั่งอายัดไว้ พร้อมทั้งดอกเบี้ยของทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน และขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ฯ โดยยังไม่มีการเพิกถอนคำสั่งของ คตส.

ขณะเดียวกัน SCB ยังคงรักษาเงินในบัญชีเงินฝากของบุคคลทั้งสองประมาณ 30,000 ล้านบาทไว้ก่อนโดยให้ผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย ซึ่งจากการไต่สวนยังพบว่าผู้รับมอบอำนาจของ SCB ให้ถ้อยคำต่อศาลว่า นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ผู้ค้างภาษี ได้อุทธรณ์การประเมินภาษีต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งคณะกรรมการฯ มีอำนาจวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงจำนวนภาษีและเบี้ยปรับได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ