สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 15 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) เพราะถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และจากการที่นักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำก่อนช่วงปลายปี
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 15.20 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1,371 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,361.60 - 1,387.30 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 47.10 เซนต์ ปิดที่ 28.7820 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.6 เซนต์ ปิดที่ 4.1105 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 5.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,698.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 10.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 742.55 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำยังคงได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้ามาเทขายทองคำเพื่อถือเงินสดเอาไว้ก่อนถึงช่วงปลายปี หลังจากที่สัญญาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า แม้ราคาทองคำอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่นักลงทุนจำนวนมากยังคงถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรโซน
สภาทองคำโลก (WGC) คาดการณ์ว่า ความต้องการลงทุนทองคำในประเทศจีนมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 150 ตันในปี 2553 โดยระบุว่า ความต้องการลงทุนในทองคำของจีนมีแนวโน้มขยายตัวรวดเร็วขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อของจีนมองว่า ทองคำเป็นเครื่องมือการลงทุนที่มีประสิทธิภาพในการดำรงและเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์
นอกจากนี้ WGC กล่าวว่า การลงทุนในทองคำทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การลงทุนทองคำทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า และในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 ความต้องการทองคำทั่วโลกเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการลงทุน พุ่งขึ้น 37%