สัญญาทองตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักในระหว่างวัน อันเป็นผลมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในช่วงเช้า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,422.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,414.50 - 1,424.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 18.80 เซนต์ ปิดที่ 31.125 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.05 เซนต์ ปิดที่ 4.4575 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 8.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,786.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 800.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการแสดงความคิดเห็นของเทรดเดอร์ในตลาดว่า สัญญาทองคำเปิดตลาดซื้อขายวันแรกของปี 2554 ย่ำฐานทรงตัว เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้กระตุ้นให้นักลงทุนย้านฐานการลงทุนเข้าไปยังสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง เช่นตลาดหุ้น ซึ่งส่งผลให้สัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนัก
แต่สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นในเคลื่อนไหวในแดนบวกได้อีกครั้งเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาดิ่งลงไปในช่วงเช้า นอกจากนี้ การคาดการณ์ที่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้วย
สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อวานนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 0.4% แตะระดับ 8.102 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และสูงกว่าเดือนต.ค.ที่ขยายตัวแตะระดับ 8.067 แสนล้านดอลลาร์
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.ขยายตัวที่ระดับ 57 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 56.6 จุด และทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในระยะฟื้นตัว