นายตง ตียี่ นักวิเคราะห์จากลองวิน แอสเซท เมเนจเมท์ กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ (RRR) อีก 0.50% จะส่งผลกระทบต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร และตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน พร้อมระบุว่า การเพิ่มเพดาน RRR สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะควบคุมเงินเฟ้อและภาวะฟองสบู่ภายในประเทศ และคาดว่าธนาคารกลางจีนจะใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นหากการเพิ่มเพดาน RRR ครั้งล่าสุดเห็นผลช้าว่าที่ประเมินไว้
นายตงคาดว่า การตัดสินใจขึ้นเพดาน RRR ครั้งนี้จะสามารถดูดซับสภาพคล่องได้เกือบ 3.50 แสนล้านหยวนออกจากภาคธนาคาร แต่การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้ตลาดหุ้นอ่อนตัวลงในสัปดาห์นี้ และจะชะลอตัวลงยาวนานตลอดช่วงครึ่งแรกของปีนี้
ขณะที่นายหลี่ ซุนเหล่ย นักวิเคราะห์จาก เกาไถ้ แอนด์ จูนาน ซิเคียวริตีส์ คาดการณ์ในทำนองเดียวกันว่า การประกาศเพิ่มเพดาน RRR จะส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนเข้าสู่ระยะพักฐานในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
ด้านนายกู ฮองบิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร HSBC สาขาประเทศจีน คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสแรกของปี 2554 และมีความเป็นไปได้อย่างมากกว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ครั้งล่าสุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ 0.50% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.เป็นต้นไป โดยธนาคารกลางจีนได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่ต้นปี 2552 ซึ่งมีเป้าหมายที่จะดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบเศรษฐกิจ หลังจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น 5.1% ในเดือนพ.ย.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 28 เดือนเมื่อเทียบรายปี