ผลการสำรวจรายเดือนของบริษัทหลักทรัพย์ ทีดี ซิเคียวริตี้ส์ และ สถาบันเมลเบิร์นเพื่อการวิจัยสังคมและเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ พบว่า อัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียปรับตัวสูงขึ้นในเดือนธันวาคม
โดยดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อของทีดี ซิเคียวริตี้ส์ และ สถาบันเมลเบิร์น เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธันวาคม หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพฤศจิกายน
ส่วนอัตราเงินเฟ้อตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคมของปีที่แล้วอยู่ที่ 3.8% เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากระดับ 3.9% ในเดือนพฤศจิกายน และสูงกว่าเป้าหมาย 2-3% ของธนาคารกลาง
แอนเนตต์ บีชเชอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของทีดี ซิเคียวริตี้ส์ กล่าวว่า ผลการสำรวจแสดงให้เห็นถึงภาวะเงินเฟ้อระยะสั้นที่อยู่ในระดับสูง ในขณะที่ความพยายามฟื้นฟูหลังน้ำท่วมในรัฐควีนส์แลนด์จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในระยะยาว
"แม้ว่าเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเลขคาดการณ์ตลอดทั้งปี แต่ผลพวงจากภาวะน้ำท่วมในรัฐควีนส์แลนด์ทำให้มีความเสี่ยงว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นในทันทีก็คือ ราคาอาหารที่มีแนวโน้มว่าจะแพงขึ้นในไตรมาสแรกซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคม" บีชเชอร์กล่าวผลการสำรวจระบุว่า สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นในเดือนธันวาคมเกิดจากราคาเชื้อเพลิง ผลไม้ และผักที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งการท่องเที่ยวในวันหยุดและสถานที่พัก สำนักข่าวซินหัวรายงาน