ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังได้ตัดสินใจคงขนาดของโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มูลค่า 2 แสนล้านปอนด์ (3.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาดเช่นกัน
แบงก์ชาติอังกฤษตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แม้ว่าจะมีความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่อยู่เหนือระดับเป้าหมายที่ 2% ของรัฐบาล โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ล่าสุดในเดือนธ.ค. ได้ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 3.7%
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อไม่ให้ขยายตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม การที่ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษ หดตัวอย่างเหนือความคาดหมาย 0.5% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ทำให้แนวโน้มที่แบงก์ชาติอังกฤษจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นลดลง เนื่องจากเกรงว่าจะขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
เมื่อเดือนที่แล้ว เมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ได้คาดการณ์ว่า เงินเฟ้ออาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4-5% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพราะราคาอาหารและราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อย่างไรก็ดี เขาคาดการณ์ด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อจะร่วงลงรุนแรงในปี 2555
ดังนั้นธนาคารอังกฤษจึงเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หรือขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอเงินเฟ้อ
โดยธนาคารอังกฤษได้ลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในเดือนมี.ค.2552 และได้ตรึงดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวมานับตั้งแต่นั้น